แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ลูกจ้างนำเงินของนายจ้างไปใช้ส่วนตัว นายจ้างย่อมมีสิทธิจะเลือกฟ้องให้ลูกจ้างรับผิดต่อนายจ้างได้ทั้งตามสัญญาจ้างแรงงานและในมูลละเมิด สำหรับสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงาน กฎหมายมิได้กำหนดอายุความไว้เป็นพิเศษ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30เมื่อโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญาจ้างแรงงาน จึงมีอายุความ 10 ปี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างตำแหน่งเสมียนพนักงานมีหน้าที่รับจ่ายเงินให้แก่สมาชิกของโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการทำงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดสัญญาจ้างและละเมิดต่อโจทก์หลายครั้งกล่าวคือ เมื่อวันที่ 6ตุลาคม 2532 จำเลยที่ 1 ได้เบียดบังเงินที่โจทก์อนุมัติให้นายบุญธรรม จงจอหอ กู้ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเป็นเงิน 49,500บาท และรับเงินค่าหุ้นจากสมาชิกกับเงินที่สมาชิกนำมาชำระหนี้กู้ยืมให้แก่โจทก์แล้วไม่นำส่งโจทก์ กลับนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว รวม 15 ราย เป็นเงิน 240,081.47 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำละเมิดเหตุที่เงินสูญหายเกิดจากความผิดพลาดทางบัญชี โจทก์นำคดีมาฟ้องเกิน 1 ปี คดีจึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 กระทำละเมิดเป็นการส่วนตัวไม่ใช่ในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกัน ฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2526จำเลยที่ 1 เข้าทำงานเป็นลูกจ้างโจทก์ตำแหน่งเสมียนพนักงานต่อมาโจทก์มอบหมายให้จำเลยที่ 1 ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาจ้างทำละเมิดต่อโจทก์นำเงินของโจทก์ไปใช้ส่วนตัว โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 อย่างไม่จำกัด และค้ำประกันการปฏิบัติตามข้อผูกพันของจำเลยที่ 1 ทุกประการ การที่โจทก์ให้จำเลยที่ 1ไปทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน จึงไม่จำต้องให้จำเลยที่ 2 รู้เห็นยินยอมอีก เพราะได้ยินยอมแต่แรกเข้าทำสัญญาแล้ว จำเลยที่ 2จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์ และคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองรวมกันใช้เงินแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ปัญหาต่อไปว่า คดีนี้มีอายุความ 1 ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความนั้น เห็นว่า ในกรณีนี้โจทก์ในฐานะนายจ้างมีสิทธิจะเลือกฟ้องให้รับผิดต่อโจทก์ได้ทั้งตามสัญญาจ้างแรงงานและในมูลละเมิดสำหรับสิทธิเรียกร้องอันเกิดจากการผิดสัญญาจ้างแรงงานนั้นกฎหมายมิได้กำหนดอายุความไว้เป็นพิเศษ จึงต้องใช้อายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 และคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามสัญญาจ้างแรงงาน จึงมีอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ”
พิพากษายืน