แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การทำพินัยกรรมอาจกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินที่จะได้มาในอนาคตได้ เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมมีข้อความระบุว่าทรัพย์สินของผู้ตายที่มีอยู่ในขณะที่ทำพินัยกรรมหรือที่จะมีขึ้นในภายหน้าผู้ตายยกให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ดังนั้น ทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ได้มาภายหลังผู้ตายทำพินัยกรรมก็ย่อมตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรมดังกล่าวด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนางปราโมทย์ จารุเสวก แลนายวันชัย ภาติกร ต่อมาบิดามาราโจทก์ได้หย่ากัน แล้วบิดาโจทก์จดทะเบียนสมรสใหม่กับจำเลย บิดาโจทก์ถึงแก่กรรม โดยมีทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกเพียง ๒ คน คือโจทก์และจำเลย บิดาโจทก์มีทรัพย์มรดกเป็นที่ดินหลายแปลง ขอให้บังคับจำเลยแบ่งที่ดินมรดกดังกล่าวให้โจทก์ หากไม่สามารถแบ่งได้ก็ให้ใช้ราคา ๗๒๙,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของพันตำรวจเอกวันชัย พันตำรวจเอกวันชัยทำพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่าย+ยกทรัพย์ต่าง ๆ ให้ จำเลยหมดแล้ว ส่วนที่ดินบางแปลงเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พินัยกรรมที่พันตำรวจเอกวันชัยทำขึ้นสมบูรณ์ตามกฎหมายเป็นพินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง พินัยกรรมดังกล่าวทำขึ้นเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๒๑ มีข้อความระบุไว้ด้วยว่า ทรัพย์สินของผู้ตายที่มีอยู่ในขณะที่ทำพินัยกรรมหรือที่จะมีขึ้นในภายหน้าผู้ตายยกให้แก่จำเลยแต่ผู้เดียว ดังนั้น แม้ว่าผู้ตายมีทายาทโดยธรรมคนอื่นก็ตาม ทายาทโดยธรรมคนอื่นของผู้ตายย่อมไม่มีสิทธิรับมรดกของผู้ตาย ส่วนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ ถนนอ้อมเมือง ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายที่ต้องตกแก่ทายาทโดยธรรมนั้น ปรากฎตามโฉนดที่ดินดังกล่าวว่า จำเลยซื้อนาจากผู้อื่นเมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๒๓ ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่ผู้ตายทำพินัยกรรมแล้ว ดังนั้น ถึงหากจะฟังว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายก็ย่อมตกเป็นของจำเลย ตามพินัยกรรมดังกล่าวด้วย จึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายหรือไม่
พิพากษายืน.