คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3510/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ภาพหญิงยืนเปลือยกายกอดชาย ภาพหญิงสวมแต่กางเกงในโปร่งตามีผู้ชายนอนกอดมือโอบบริเวณทรวงอก ภาพหญิงเปลือยกายท่อนบนใช้มือจับหูโทรศัพท์กดที่อวัยวะเพศ ภาพหญิงเปลือยกายมีแหคลุมตัวมือข้างหนึ่งกุมนมอีกข้างหนึ่งกุมอวัยวะเพศ ภาพหญิงเปิดเสื้อให้เห็นนม ล้วงมือเข้าไปในกระโปรง ภาพหญิงเปลือยอกสวมกางเกงในมือล้วงไปที่อวัยวะเพศ และภาพหญิงเปลือยอกสวมกางเกงขาสั้น มือข้างหนึ่งล้วงไปจับที่อวัยวะเพศ ภาพดังกล่าวแม้ไม่เห็นอวัยวะเพศชัดเจนแต่ก็มีลักษณะส่อไปในด้านยั่วยุกามารมณ์ และภาพหญิงเปลือยตลอดร่างซึ่งพอเห็นอวัยวะเพศได้บ้างถือได้ว่าเป็นภาพอันลามก ไม่ใช่ภาพศิลปะ ที่แสดงถึงส่วนสัดความสมบูรณ์ของร่างกาย ข้อความต่าง ๆ ที่ได้บรรยายถึงการร่วมประเวณีของชายและหญิงอย่างชัดเจนละเอียดลออ โดยบรรยายถึงอารมณ์ของชายและหญิงไปในทางยั่วยุกามารมณ์ แม้จะมิได้ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ก็ถือได้ว่าเป็นข้อความอันลามก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีไว้และทำให้แพร่หลายซึ่งสิ่งพิมพ์อันลามกเพื่อความประสงค์แห่งการค้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์โดยมีพนักงานอัยการซึ่งอธิบดีกรมอัยการมอบหมายรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน 15 วัน ริบของกลาง จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาเป็นข้อแรกว่า ภาพหญิงยืนเปลือยกายกอดชาย ในหนังสือหนุ่มสาวเล่มใหญ่ หน้า 30 ภาพหญิงสวมแต่กางเกงในโปร่งตา มีผู้ชายนอนกอดมือโอบบริเวณทรวงอก ในหนังสือฝันร้อน หน้า 4 จากท้ายเล่ม ภาพหญิงเปลือยกายท่อนบนใช้มือจับหูโทรศัพท์กดที่อวัยวะเพศ ในหนังสือภาพยนต์วีดีโอ หน้า 13 ภาพหญิงเปลือยกายมีแหคลุมตัว มือข้างหนึ่งกุมนมอีกข้างหนึ่งกุมอยู่ที่อวัยวะเพศในหนังสือนางแบบเงินล้าน หน้า 30 ภาพหญิงเปิดเสื้อให้เห็นนม ล้วงมือเข้าไปในกระโปรง ในหนังสือเกศณี ปานเงิน แพรเพชรชมภู หน้า 14 ภาพหญิงเปลือยอกสวมกางเกงใน มือล้วงไปที่อวัยวะเพศในหนังสือปัทมา เกยูร หน้า 3 จากท้ายเล่ม และภาพหญิงเปลือยอกสวมกางเกงขาสั้นมือข้างหนึ่งประคองนมอีกข้างหนึ่งล้วงไปจับที่อวัยวะเพศ ในหนังสือพิศมัย ภุมวา (จัมโบ้พิศมัย หน้า 10จากท้ายเล่ม เป็นภาพที่แสดงถึงส่วนสัดความสมบูรณ์ของร่างกายเป็นภาพศิลปะหาใช่ภาพลามกดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาเห็นว่า ภาพเปลือยต่าง ๆ ในหนังสือแต่ละเล่มแม้จะไม่เห็นอวัยวะเพศชัดเจน แต่ก็มีลักษณะส่อไปในด้านยั่วยุทางกามารมณ์และยังมีภาพเปลือยของหญิงตลอดร่างในหนังสือดังกล่าวอีกหลายภาพบางภาพก็พอจะเห็นอวัยวะเพศได้บ้างอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่าภาพเหล่านั้นเป็นภาพอันลามก ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
จำเลยฎีกาข้อต่อไปว่า แม้ในหนังสือนวลนาง หน้า 29 หนังสือฉกรรจ์ หน้า 43 หนังสือสุดเฉียบ หน้า 27 และ 44 หนังสือคาร์เทียร์ หน้า 16 หนังสือหนุ่มสาวเล่มเล็ก หน้า 44 หนังสือทีเด็ด หน้า 37 และหนังสืออัลบั้มชุดนวลนาง หน้า 29 จะมีข้อความบรรยายถึงการร่วมประเวณีของชายและหญิง แต่ก็ไม่เป็นข้อความลามกดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเพราะมิได้ใช้ถ้อยคำหยาบคายและการเขียนนวนิยายทั่วไปก็จะต้องบรรยายถึงการมีเพศสัมพันธ์บ้าง อีกทั้งอุทธรณ์ของโจทก์ก็มิได้กล่าวให้แจ้งชัดว่าหนังสือของกลางมีข้อความตอนใด หน้าที่เท่าใด ความว่าอย่างไรคงระบุเพียงว่า มีข้อความบรรยายถึงการร่วมประเวณีของชายหญิงอย่างชัดแจ้งเท่านั้น ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะวินิจฉัยให้ ศาลฎีกาเห็นว่าข้อความต่าง ๆ ในหนังสือแต่ละเล่มได้บรรยายถึงการร่วมประเวณีของชายและหญิงอย่างชัดเจนละเอียดลออ โดยบรรยายถึงอารมณ์ของชายและหญิงไปในการยั่วยุกามารมณ์ แม้จะมิได้ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ก็ถือได้ว่าเป็นข้อความอันลามก ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ที่มิได้ระบุว่าข้อความลามกมีอยู่ตอนใด หน้าที่เท่าใดมีความว่าอย่างไรนั้นเป็นรายละเอียดเมื่อศาลอุทธรณ์ได้พิเคราะห์ถ้อยคำในหนังสือของกลางแล้ววินิจฉัยว่าเป็นข้อความอันลามก จึงหาเป็นคำวินิจฉัยที่มิชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใดไม่ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาต่อไปว่า หนังสือของกลางปรากฏชื่อบรรณาธิการชื่อผู้พิมพ์ ชื่อผู้โฆษณา มีวางขายได้ทั่วไป จำเลยไม่มีเจตนาที่จะกระทำผิดตามฟ้อง เพราะเข้าใจว่าหนังสือของกลางเป็นหนังสือที่ขายได้โดยถูกต้องตามกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีสิ่งพิมพ์ลามกแสดงอวัยวะเพศชายและหญิง และบรรยายข้อความแสดงการร่วมประเวณีอย่างชัดแจ้ง ซึ่งจำเลยก็ได้ให้การรับสารภาพตามฟ้อง จำเลยจึงมิอาจยกข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่ได้โต้เถียงไว้ในศาลชั้นต้นมาอ้างว่าจำเลยมิได้กระทำผิดได้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สำหรับฎีกาข้อสุดท้ายของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้หนังสือของกลางจะมีจำนวนรวม 95 เล่มแต่ก็เป็นหนังสือถึง 15 ชนิด หนังสือแต่ละชนิดจึงมีจำนวนไม่มากนักซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ได้ลงโทษจำคุกจำเลยเพียง 1 เดือน 15 วันอันเป็นโทษจำคุกระยะสั้น ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวสักครั้งหนึ่ง คดีจึงมีเหตุอันควรรอการลงโทษแก่จำเลย แต่เห็นสมควรลงโทษปรับจำเลยอีกโสดหนึ่งด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 เดือน 15 วัน ปรับ1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share