คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21730/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 4 เป็นทนายความอันเป็นวิชาชีพด้านกฎหมาย จึงต้องมีความละเอียดรอบคอบและมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์เป็นพิเศษ ทั้งการว่าความในศาลย่อมมีผลกระทบต่อคู่ความที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการฟ้องคดีล้มละลาย หากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บุคคลผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดย่อมถูกจำกัดสิทธิต่าง ๆ หลายประการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 จำเลยที่ 4 จึงควรใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 4 เพียงตรวจสอบหมายเลขประจำตัวประชาชนของ พ. ลูกหนี้ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ที่ให้ไว้ต่อธนาคาร ท. ขณะทำสัญญาค้ำประกัน แล้วนำหมายเลขประจำตัวประชาชนดังกล่าวไปขอคัดสำเนาทะเบียนราษฎร ปรากฏว่าบุคคลที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชนดังกล่าวคือโจทก์ ตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร จำเลยที่ 4 จึงฟ้องโจทก์เป็นคดีล้มละลาย ทั้ง ๆ ที่โจทก์มีชื่อแตกต่างจาก พ. และจำเลยที่ 4 ก็มีข้อมูลของ พ. ตามสำเนาทะเบียนบ้าน และยื่นสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวประกอบคำฟ้องด้วย ดังนี้ หากจำเลยที่ 4 ตรวจสอบสำเนาทะเบียนบ้าน กับแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร จำเลยที่ 4 ก็จะทราบได้โดยง่ายว่า ชื่อและนามสกุล วันเดือนปีเกิด รวมทั้งชื่อบิดามารดาโจทก์กับ พ. นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อันแสดงว่าโจทก์และ พ. เป็นคนละคนกัน แต่จำเลยที่ 4 หาได้กระทำไม่ ไม่สมกับเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญด้านกฎหมายในวิชาชีพทนายความ จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ เมื่อโจทก์ต้องถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด อันเป็นผลโดยตรงจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 4 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นการละเมิดต่อโจทก์
ส่วนที่โจทก์มีคำขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันว่าโจทก์ไม่ใช่บุคคลที่ถูกฟ้องในคดีหมายเลขแดงที่ 4040/2549 ของศาลล้มละลายกลางโดยให้จำเลยทั้งสี่ออกค่าใช้จ่ายนั้นวัตถุประสงค์ของโจทก์คือต้องการให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันให้บุคคลทราบโดยทั่วไป การที่ศาลอุทธรณ์ระบุจำนวนฉบับและจำนวนวันก็เพื่อให้ชัดเจนและสะดวกแก่การที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 จะได้ปฏิบัติ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่เกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้ร่วมกันประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันว่าโจทก์ไม่ใช่บุคคลที่ถูกฟ้องในคดีหมายเลขแดงที่ 4040/2549 ของศาลล้มละลายกลาง โดยให้จำเลยทั้งสี่ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงิน 725,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 11 มกราคม 2551) จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ร่วมกันประกาศแจ้งความจริงในหนังสือพิมพ์รายวัน 4 ฉบับ ฉบับละ 5 ครั้ง มิฉะนั้นให้โจทก์ประกาศโดยให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันออกค่าใช้จ่ายกับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 20,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันชำระเงิน 325,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง(ฟ้องวันที่ 11 มกราคม 2551) จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ร่วมกันลงโฆษณาประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง เพิกถอนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ในหนังสือพิมพ์รายวัน 4 ฉบับ ฉบับละ 5 ครั้ง มิฉะนั้นให้โจทก์ลงโฆษณาโดยให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันออกค่าใช้จ่ายกับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์โดยกำหนดค่าทนายความรวม 12,000 บาท ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ทั้งสองศาลให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์ 100 บาทแก่จำเลยทั้งสี่ คำขออื่นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ว่าจำเลยที่ 4 ทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 4 เป็นทนายความอันเป็นวิชาชีพด้านกฎหมาย จึงต้องมีความละเอียดรอบคอบและมีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์เป็นพิเศษ ทั้งการว่าความในศาลย่อมมีผลกระทบต่อคู่ความที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการฟ้องคดีล้มละลาย หากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด บุคคลผู้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดย่อมถูกจำกัดสิทธิต่าง ๆ หลายประการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ..2483 จำเลยที่ 4 จึงควรใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ข้อเท็จจริงได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 4 ว่า จำเลยที่ 4 เพียงตรวจสอบหมายเลขประจำตัวประชาชนของนางสาวพจมาศ ลูกหนี้ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่ให้ไว้ต่อธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ขณะทำสัญญาค้ำประกัน แล้วนำหมายเลขประจำตัวประชาชนดังกล่าวไปขอคัดสำเนาทะเบียนราษฎร ปรากฏว่าบุคคลที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชนดังกล่าวคือโจทก์ ตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร จำเลยที่ 4 จึงฟ้องโจทก์เป็นคดีล้มละลาย ทั้งๆ ที่โจทก์มีชื่อแตกต่างจากนางสาวพจมาศ และจำเลยที่ 4 ก็มีข้อมูลของนางสาวพจมาศ ตามสำเนาทะเบียนบ้านและได้ยื่นสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวประกอบคำฟ้องด้วย ดังนี้ หากจำเลยที่ 4 ตรวจสอบสำเนาทะเบียนบ้าน กับแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎร จำเลยที่ 4 ก็จะทราบได้โดยง่ายว่าชื่อและนามสกุล วันเดือนปีเกิด รวมทั้งชื่อบิดามารดาโจทก์กับนางพจมาศนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอันแสดงว่าโจทก์และนางสาวพจมาศเป็นคนละคนกัน แต่จำเลยที่ 4 หาได้กระทำไม่ ไม่สมกับเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญด้านกฎหมายในวิชาชีพทนายความ จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ ที่จำเลยที่ 4 ฎีกาว่าจำเลยที่ 4 กระทำโดยสุจริตเนื่องจากเอกสารราชการไม่ถูกต้องนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ทั้งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนางสาวพจมาศ ก็เป็นเพียงสำเนาและจำเลยที่ 4 สามารถตรวจสอบได้แต่ก็ไม่ได้กระทำดังวินิจฉัยข้างต้น กรณีจึงเป็นความบกพร่องของจำเลยที่ 4 ที่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเอง ข้ออ้างของจำเลยที่ 4 จึงไม่มีน้ำหนักก็ให้รับฟัง เมื่อโจทก์ต้องถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดอันเป็นผลโดยตรงจากการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 4 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นการละเมิดต่อโจทก์ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลยที่ 4 เป็นทนายความของจำเลยที่ 1 มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนจำเลยที่ 1 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 วรรคหนึ่ง จึงถือได้ว่าเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 4 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์จากการทำหน้าที่ดังกล่าว จำเลยที่ 1 และที่ 3 ซึ่งเป็นตัวการจึงต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 4 ในผลแห่งละเมิดนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 427 ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายมีว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันลงโฆษณาประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรื่องเพิกถอนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในหนังสือพิมพ์รายวัน 4 ฉบับ ฉบับละ 5 ครั้ง เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีคำขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันว่าโจทก์ไม่ใช่บุคคลที่ถูกฟ้องในคดีหมายเลขแดงที่ 4040/2549 ของศาลล้มละลายกลางโดยให้จำเลยทั้งสี่ออกค่าใช้จ่าย ดังนั้นวัตถุประสงค์ของโจทก์คือต้องการให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันให้บุคคลทราบโดยทั่วไป การที่ศาลอุทธรณ์ระบุจำนวนฉบับและจำนวนวันก็เพื่อให้ชัดเจนและสะดวกแก่การที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 จะได้ปฏิบัติ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงไม่เกินคำขอ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share