แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 3 เป็นบุตรผู้ร้อง ทั้งรถจักรยานยนต์ของกลางผู้ร้องซื้อมาเพื่อใช้ในการทำมาหากินและรับส่งบุคคลในครอบครัวโดยให้จำเลยที่ 3 เป็นผู้ใช้ในการนำออกไปซื้อของและขับไปโรงเรียนบ้าง จึงพออนุมานได้ว่า ผู้ร้องมิได้เข้มงวดในการที่จำเลยที่ 3 จะนำรถจักรยานยนต์ของกลางออกไปใช้นัก พฤติการณ์มีผลเท่ากับผู้ร้องอนุญาตโดยปริยายให้จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ไปใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่โดยไม่ขัดขวาง ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 3 อายุเพียง 17 ปี อยู่ในวัยรุ่นวัยคะนองนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการขับแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาตย่อมถือได้ว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ไม่มีสิทธิขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลาง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ และสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า รถจักรยานยนต์ของกลางหมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานครธมว 83 เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ขอให้คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของรถจักรยานยนต์ของกลางและผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยที่ 3 ในการกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิขอคืนรถจักรยานยนต์ของกลางหรือไม่ผู้ร้องอ้างว่ารถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องโดยผู้ร้องซื้อมา แต่ใส่ชื่อจำเลยที่ 3บุตรชายผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แทน ตามสมุดคู่มือจดทะเบียนรถเอกสารหมาย ร.9 ทั้งนี้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการขอรับสมุดคู่มือจดทะเบียนรถดังกล่าวซึ่งทำให้ผู้ร้องไม่ต้องหยุดงานขาดรายได้ ทั้งเหตุที่ซื้อก็เพื่อต้องการนำมาใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพเสริมสวยและรับส่งบุคคลในครอบครัวของผู้ร้องเป็นส่วนใหญ่แม้จะฟังเป็นความจริงดังผู้ร้องอ้าง แต่จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นพยานของผู้ร้องเบิกความตอบโจทก์ถามค้านว่า พยานใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะไปโรงเรียนและในชั้นตอบทนายผู้ร้องถามติงว่า หากพยานต้องการใช้รถจักรยานยนต์ของกลางจะต้องขอกุญแจกับผู้ร้อง ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ไม่ปรากฏว่าการที่จำเลยที่ 3 ขอกุญแจจากผู้ร้องดังกล่าว ผู้ร้องจะอนุญาตเสมอไปหรือไม่ แต่เมื่อคำนึงว่าจำเลยที่ 3 เป็นบุตรผู้ร้อง ทั้งรถจักรยานยนต์ของกลางผู้ร้องก็เบิกความว่า ซื้อมาเพื่อใช้ในการทำมาหากินและรับส่งบุคคลในครอบครัว โดยให้จำเลยที่ 3 กับบุตรสาวเป็นผู้ใช้ในการนำออกไปซื้อของและขับไปโรงเรียนบ้าง ข้อเท็จจริงพออนุมานได้ว่าผู้ร้องมิได้เข้มงวดในการที่จำเลยที่ 3 จะนำรถจักรยานยนต์ของกลางออกไปใช้นัก พฤติการณ์ของผู้ร้องมีผลเท่ากับว่าผู้ร้องอนุญาตโดยปริยายให้จำเลยที่ 3 นำรถจักรยานยนต์ไปใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่โดยไม่ขัดขวาง ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 3 อายุเพียง 17 ปี อยู่ในวัยรุ่นวัยคะนองนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปใช้ในการขับแข่งขันโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมถือได้ว่าผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด จึงไม่มีสิทธิขอคืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน