คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 351/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

กู้เงินมีข้อสัญญาว่า ถ้าไม่ใช้เงินคืนตามกำหนดยอมโอนที่ดินตามโฉนดชำระหนี้ให้โดยไม่คำนึงถึงราคาที่ดิน ฝ่าฝืน มาตรา656 วรรค 2,3 บังคับให้โอนที่ดินชำระหนี้ไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินโฉนดที่ 5554ส่วนหนึ่ง 10 ไร่ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ในเรื่องการทำสัญญาจะเป็นสัญญากู้เงินแล้วเอาที่นามาเป็นประกันหรือเป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินนั้น เมื่อพิเคราะห์คำเบิกความของโจทก์ นางเม่าและนายประเทืองผู้ใหญ่บ้านผู้ทำสัญญาแล้วเห็นว่าคู่สัญญามีเจตนาที่จะทำสัญญากู้เงินกันแล้วมอบที่นาให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ยมากกว่า นายประเทืองพยานโจทก์ก็รับว่าขณะนั้นนางทิมกับนางสุนทรเป็นความกัน ตามคำเบิกความของนางเม่าก็ได้ความว่านางสุนทรหรือนางทอนเป็นความกับนางทิมเกี่ยวด้วยที่ดินมรดกของนายคำนางเจิมรายนี้ไม่เชื่อว่าโจทก์กับนางทิมจะเอาที่ดินซึ่งยังเป็นความกันอยู่มาขายหรือทำสัญญาจะขายกัน นอกจากนั้นยังปรากฏว่าสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องมีการกรอกข้อความลงในแบบพิมพ์สัญญากู้เงินดังนี้ “ข้อ 1. ข้าพเจ้านางทิม เรืองอยู่ ได้กู้เงินของนายสนธิ์ ชัยกิจกรณ์ ไปเป็นเงิน 7,500 บาท ข้าพเจ้าได้รับเงินไปครบถ้วนเสร็จแล้วแต่วันทำสัญญานี้”

“ข้อ 2. เพื่อเป็นหลักฐานในเงินซึ่งข้าพเจ้าได้กู้ไปนี้ ข้าพเจ้าได้นำ (ต่อไปเป็นตัวเขียน) เนื้อที่นาแปลงคิดประมาณที่ 10 ไร่ ที่นาอยู่หมู่ 4 ตำบลน้ำทรงทิศเหนือจดนางทอน ทิศใต้จดคลอง (ทิศ) ตะวันออกจดนายราญ (ทิศ) ตะวันตกจดนางถ่าย ที่ดินแปลงนี้มอบกรรมสิทธิ์ให้ (ฉีกขาดอ่านไม่ได้) ทำผลประโยชน์ตลอดไป (ต่อไปเป็นตัวพิมพ์ของแบบพิมพ์) ให้ท่านยึดถือไว้เป็นประกันด้วย และข้าพเจ้าขอรับรองว่าทรัพย์สินซึ่งข้าพเจ้านำมานี้เป็นของข้าพเจ้าโดยแท้จริงและไม่มีภาระติดพันในหนี้สินรายอื่นเลย”

“ข้อ 3. ในจำนวนเงินซึ่งข้าพเจ้าได้กู้ไปนี้ ข้าพเจ้าจะนำมาใช้ให้ท่านเสร็จภายในวันที่ (ต่อไปเป็นตัวเขียน) ถ้าข้าพเจ้าไม่นำเงินส่งตามสัญญา ผู้กู้ยอมมอบที่ดินแปลงนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของท่านโดยข้าพเจ้าจะไม่คัดค้านทุกประการ”

ข้อสัญญาที่สำคัญ 3 ข้อดังยกมากล่าวข้างต้นแปลความได้ว่าเป็นสัญญากู้เงิน 7,500 บาท หาใช่สัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาซื้อขายไม่ เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญาดังกล่าว แต่ปรากฏว่าสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นสัญญากู้เงินซึ่งมีข้อตกลงไว้ล่วงหน้าว่าถ้าไม่ชำระเงินกู้ในกำหนด ยอมโอนที่นาให้เป็นกรรมสิทธิ์ เป็นการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สินอย่างอื่นแทนเงินที่กู้โดยไม่คำนึงถึงราคาที่นา เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสอง และวรรคสาม จึงไม่มีทางที่จะบังคับให้เป็นไปตามที่โจทก์ขอได้”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share