คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่นิติกรรมเป็นโมฆะ สิทธิเรียกคืนทรัพย์ที่กระทำเพื่อชำระหนี้ของฝ่ายผู้เสียเปรียบย่อมเกิดขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายหนึ่งได้ทรัพย์มา โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
เมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วว่าการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ย่อมเป็นโมฆะ ต้องถือว่าบุคคลทุกคนได้รู้ถึงบทบัญญัตินั้นแล้ว ผู้ใดอ้างว่าไม่รู้จะต้องแสดงให้เห็นพฤติการณ์เฉพาะตัวเป็นพิเศษ โดยแน่ชัดว่าตนไม่รู้และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้เช่นกัน
ในกรณีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยในฐานลาภมิควรได้นั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะสืบแสดงว่าโจทก์ไม่รู้และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้ว่านิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่นำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ และเป็นสารสำคัญในประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้งดสืบพยาน โดยยังมิได้พิจารณาหรือวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าว ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานคู่ความในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240 (3), 247

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ซื้อบ้านเลขที่ ๒/๑ ไว้จากจำเลยเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยรับเงินไปแล้ว ได้ทำหนังสือสัญญากันไว้ ต่อมาจำเลยไม่ยอมออกจากบ้านและไม่ยอมโอนบ้านให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องขับไล่และให้ส่งมอบบ้านพิพาท ศาลชั้นต้นพิพากษาขับไล่จำเลยและให้จำเลยโอนบ้านให้โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ว่าสัญญาเป็นโมฆะเพราะไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาพิพากษายืน อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๐ การที่จำเลยได้เงินจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท จากโจทก์เพราะโจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อบ้านตามสัญญาซื้อขายที่เป็นโมฆะซึ่งจำเลยรู้อยู่ก่อนแล้ว จึงเป็นการรับเงินโดยไม่สุจริตและโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้อันเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยคืนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ในกรณีเดียวกันนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ ตามคดีหมายเลขแดงที่ ๓๕/๒๕๑๙ ซึ่งถึงที่สุดแล้ว โจทก์รู้ถึงสิทธิของโจทก์อันจะเรียกร้องให้คืนเงินลาภมิควรได้ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ แต่โจทก์เพิ่งฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๒๑ เป็นเวลา ๒ ปีเศษแล้ว ฟ้องของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๙
คู่ความแถลงรับกันว่า โจทก์ยื่นฟ้องคดีหมายเลขแดงที่ ๓๕/๒๕๑๙ เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ และคู่ความได้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๐
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า การฟ้องเรียกเงินคืนของโจทก์เป็นกรณีลาภมิควรได้ ต้องฟ้องภายในกำหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๙ คือวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๘ ที่จำเลยรับเงินราคาบ้านจากโจทก์ คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงว่าโจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนตราบใดที่คดียังไม่ถึงที่สุด โจทก์ยังไม่อาจรู้ได้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืน ต้องถือว่าโจทก์ได้รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกเงินคืนนับแต่วันที่โจทก์ได้ฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาให้ตนแพ้คดี คือวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๒๐ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยคืนเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทและดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๑๙ ในกรณีที่นิติกรรมเป็นโมฆะ สิทธิเรียกคืนทรัพย์ที่กระทำเพื่อชำระหนี้ของฝ่ายผู้เสียเปรียบย่อมเกิดขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายหนึ่งได้ทรัพย์มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าฝ่ายโจทก์ได้รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืนนั้นตั้งแต่เมื่อใด ตามธรรมดาเมื่อมีกฎหมายบัญญัติไว้แล้วว่า การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ท่านว่าเป็นโมฆะ จึงต้องถือว่าบุคคลทุกคนได้รู้ถึงบทบัญญัตินั้นแล้ว ผู้ใดอ้างว่าไม่รู้จะต้องแสดงให้เห็นพฤติการณ์เฉพาะตัวเป็นพิเศษโดยแน่ชัดว่าตนไม่รู้และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้เช่นนั้น หรืออีกนัยหนึ่ง โจทก์ผู้ฟ้องเรียกเงินคืนย่อมมีสิทธิที่จะสืบแสดงว่าโจทก์ไม่รู้และไม่อยู่ในฐานะที่อาจรู้ได้ว่านิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่นำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นสารสำคัญในประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย แต่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานคู่ความเสีย ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานคู่ความในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๐ (๓), ๒๔๗
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานคู่ความตามนัยดังกล่าวแล้วพิพากษาใหม่

Share