แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกู้เงินจากผู้เสียหายโดยออกเช็คล่วงหน้าให้ผู้เสียหายไว้ หากจำเลยนำเงินไปชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายก็จะคืนเช็คแก่จำเลย ถ้าจำเลยไม่นำเงินไปชำระหนี้ผู้เสียหายจึงจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่สามารถที่จะเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ ดังนี้ เป็นการออกเช็คเพื่อเป็นประกันในการชำระหนี้เงินกู้ไม่ใช่เป็นการชำระหนี้ แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ รวม ๖ กระทง จำคุกกระทงละ ๑ เดือน รวมจำคุก ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยออกเช็คให้ผู้เสียหายรวม ๖ ฉบับเมื่อเช็คแต่ละฉบับถึงกำหนดผู้เสียหายไม่ได้นำไปเรียกเก็บเงินในทันที กลับนำเช็คทั้งหกฉบับไปเรียกเก็บเงินในวันเดียวกันหลังจากเช็คถึงกำหนดประมาณ ๖ เดือน แสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายรู้อยู่ว่าเช็คแต่ละฉบับไม่สามารถที่จะนำไปเรียกเก็บเงินในทันทีได้ และวิธีปฏิบัติในการกู้เงินและชำระเงินระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย จำเลยจะกู้เงินจากผู้เสียหายโดยออกเช็คล่วงหน้าให้ผู้เสียหายไว้หากจำเลยนำเงินไปชำระหนี้ ผู้เสียหายก็จะคืนเช็คให้จำเลย ถ้าจำเลยไม่นำเงินไปชำระหนี้ผู้เสียหายจึงจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่สามารถที่จะเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ลักษณะการกระทำระหว่างผู้เสียหายและจำเลยเช่นนี้เป็นการออกเช็คให้แก่กันเพื่อเป็นประกันในการชำระหนี้เงินกู้ ไม่ใช่เป็นการชำระหนี้ จำเลยไม่มีเจตนากระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน.