แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้ มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยยิงปืนเพียงเพื่อขมขู่ผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามป.อ. มาตรา 228, 80
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๓๕๘, ๓๗๑, ๓๗๖, ๓๒, ๓๓ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ, ๗๒, ๗๒ ทวิ ริบลูกกระสุนปืนของกลาง และนับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลยแดงที่ ๑๔๔๒/๔๒ ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐, ๓๕๘, ๓๗๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๘ ทวิ วรรคหนึ่ง, ๗๒ วรรคสาม, ๗๒ ทวิ วรรคสอง เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานมีอาวุธปืนกับเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก ๑ ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและโดยมิได้รับอนุญาต เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๖ เดือน ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นกับฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๑๐ ปี รวมจำคุก ๑๑ ปี ๖ เดือน คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๗ ปี ๘ เดือน ริบหัวกระสุนปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ พิพากษาแก้เป็่นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๖ อีกบทหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท (ที่ถูกข้อหายิงปืนโดยใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านกับข้อหาทำให้เสียทรัพย์เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท) ลงโทษจำเลยในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๖ เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔ เดือน รวมกับโทษในข้อหาอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นจำคุก ๑๖ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายเห็นว่า แม้ว่าขณะที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายจำเลยไม่เห็นตัวผู้เสียหายเพราะเป็นเวลากลางคืนและห้องนอนผู้เสียหายมิได้เปิดไฟ แต่ปรากฏจากคำเบิกความผู้เสียหายว่า ขณะนอนหลับอยู่ ได้ยินเสียงผู้ชายมาเรียก ผู้เสียหายจึงลุกขึ้นนั่ง ทันใดนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น นอกจากนี้ยังปรากฏจากคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกธนาวัชร ดีบุญมี ณชุมแพ ว่าเหตุที่แจ้งข้อหาจำเลยว่า พยายามฆ่าเพราะจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในหน้าต่างห้องนอนซึ่งอยู่เสมอกับที่นอนและปรากฏตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดหตุว่า กระจกบานเกล็ดหน้าต่างห้องนอนแตก มีรูกระสุนปืนทะลุตู้โชว์เสื่อผ้าและประตูห้องนอนหลายแห่งและพบหัวกระสุนปืน ๔ หัวตกอยู่ในห้องนอน ดังนั้นการที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงเข้าไปในห้องนอนของผู้เสียหายเช่นนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายถึงแก่ชีวิตได้ แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยโดยชัดแจ้งว่า จำเลยมีเจตนาที่จะใช้อาวุธปืนยิงประทุษร้ายผู้เสียหาย คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะยิงเพื่อให้ถูกผู้เสียหาย มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยยิงปืนเพียงเพื่อข่มขู่ผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
นายไมตรี สุเทพากุล ผู้ช่วย
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายชัยวัฒน์ เวียงธีรวัฒน์ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ