คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3493/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า3 วัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 แต่ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารเพราะเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี อันเป็นอำนาจตามมาตรา 87(2) จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ไม่ตรงตามงวดที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ในสัญญากู้ แต่โจทก์ก็ได้รับเงินไว้แล้วนำไปหักชำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่ค้างชำระเรื่อยมาแสดงว่าโจทก์มิได้ถือกำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เป็นสำคัญเมื่อจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์อีก จึงต้องถือว่าจำเลยผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในต้นเงินที่ค้างชำระตั้งแต่วันถัดจากวันที่ชำระเงินครั้งสุดท้ายเป็นต้นไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้โดยจำนองห้องชุดเป็นประกันจำเลยผิดนัดโจทก์ทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว จำเลยเพิกเฉยขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาหากไม่ชำระขอบังคับจำนอง
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้ไว้โดยจำเลยมิได้รับเงิน การบอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน1,065,365.12 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17 ต่อปี นับแต่วันที่ 14 มีนาคม 2528 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 5 มีนาคม 259 และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 6 มีนาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ สำหรับคำขอบังคับจำนองห้องชุดเลขที่ 46/4 ของอาคารชุดลลิลทิพย์คอนโดมิเนียมของจำเลยให้ยกเสีย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17 ต่อปี ในต้นเงิน 1,065,365.12 บาท นับแต่วันที่6 สิงหาคม 2527 จนถึงวันที่ 4 มีนาคม 2529 และชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 5 มีนาคม2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้อง โจทก์มีเอกสารหมาย จ.3เป็นหลักฐานแสดงว่า จำเลยได้รับเงินที่กู้จำนวน 1,100,000 บาท ไปจากธนาคารเอเชียทรัสต์ จำกัด แล้ว ในข้อนี้จำเลยฎีกาโต้แย้งว่าโจทก์ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้จำเลยไม่น้อยกว่า3 วัน นับแต่วันสืบพยานเป็นการผิดระเบียบศาลไม่ควรรับฟัง และเอกสารดังกล่าวไม่ใช่หลักฐานการโอนเงินที่กู้เข้าบัญชีของบริษัทธาราวณิช จำกัด บัญชีเลขที่ 6690 เห็นว่า เอกสารหมาย จ.3เป็นเอกสารของธนาคารเอเซียทรัสต์ จำกัด ด้านหน้ามีข้อความระบุว่า จำเลยได้กู้เงินเพื่อซื้อห้องชุดอาคารลลินทิพย์คอนโดมิเนียมเป็นเงิน 1,100,000 บาท ส่วนด้านหลังเอกสารมีข้อความบันทึกไว้ว่า จำเลยได้รับเงินที่กู้จำนวน 1,100,000 บาทแล้ว โดยจำเลยลงชื่อเป็นผู้รับเงินไว้ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2526แม้โจทก์มิได้ส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวให้จำเลยก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90แต่ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจรับฟังพยานเอกสารเพราะเห็นว่าเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี อันเป็นอำนาจตามมาตรา 87(2) จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ส่วนที่จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่า จำเลยจะต้องใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์อัตราร้อยละ 17 ต่อปี ในต้นเงินจำนวนดังกล่าว นับแต่วันที่14 มีนาคม 2528 ถึงวันที่ 5 มีนาคม 2529 และอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 6 มีนาคม 2529 จนกว่าจะชำระเสร็จ ได้พิจารณาใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย จ.6 ถึง จ.14 แล้วเห็นว่า จำเลยผ่อนชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์มิได้ตรงตามงวดที่ได้กำหนดเวลาชำระไว้ในสัญญากู้เอกสารหมาย จ.2 แต่โจทก์ก็ได้รับเงินไว้แล้วนำไปหักชำระดอกเบี้ยและต้นเงินที่ค้างชำระเรื่อยมา จนถึงครั้งสุดท้ายจำเลยได้ชำระเงินให้โจทก์อีก 20,000 บาท เมื่อวันที่13 มีนาคม 2528 แสดงว่าโจทก์มิได้ถือกำหนดเวลาชำระหนี้ตามที่กำหนดไว้ในสัญญากู้เป็นสำคัญ เมื่อในวันดังกล่าวจำเลยยังค้างชำระต้นเงินโจทก์เป็นเงิน 1,065,365.12 บาท และหลังจากนั้นจำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์อีกต่อไป จึงต้องถือว่าจำเลยผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ในต้นเงินที่ยังค้างชำระตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม2528 เป็นต้นไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยให้โจทก์ ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2527 จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share