แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์คำร้องขออนาถา คำแถลงคัดค้านและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่าย แล้วข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยมีบ้านเลขที่ 40จำนวน 1 หลัง ซึ่งมีราคาประมาณ 50,000 บาท และภรรยาจำเลยมี บ้านเลขที่ 42 จำนวน 1 หลัง ราคาประมาณ 100,000 บาทรวมทั้งมีสิทธิการเช่าโทรศัพท์ 1 เครื่อง เห็นว่าจำเลยยังพอมีเงินเสียค่าธรรมเนียมศาลจำนวน 30,000 บาทเศษได้ จำเลยไม่ได้ยากจนจริง จึงให้ยกคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถา ของจำเลยเสีย หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้ นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาเสียภายใน 15 วัน
จำเลยเห็นว่า จำเลยมีฐานะยากจน ขณะนี้มีรายได้จากการค้าขายเดือนละประมาณ 2,000 บาท และต้องมีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูครอบครัวซึ่งมีภริยาและหลานกำ พร้าซึ่งกำลังเรียน หนังสืออยู่อีก 2 คน จำเลยจึงไม่มีทรัพย์พอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาล ในชั้นฎีกาได้ รายได้ของจำเลยพอเลี้ยงชีพไปได้เท่านั้น หาก จะให้จำเลยต้องขายหรือจำนองบ้านหรือทรัพย์สินอื่นแล้ว จะทำให้จำเลยต้องเป็นหนี้เป็นสินได้รับความเดือด ร้อนเป็นอย่างยิ่ง ขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยฎีกาอย่างคนอนาถาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 164)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,264,250 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าว(อันดับ 137,135 และ 157)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ และได้ยื่นคำร้องขอขยายเวลาชำระ ค่าฤชาธรรมเนียม (อันดับ 159 แผ่นที่ 5 และแผ่นที่ 3)
ชั้นอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ยกคำร้องของ จำเลย(อันดับ 76,100 และ 109)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยและภริยาจำเลยมีบ้านรวมกันอยู่ถึง 2 หลัง มีโทรศัพท์ใช้ และมีรายได้จากการค้าขายอีก ถือไม่ได้ว่า จำเลยยากจนไม่มีเงินพอเสียค่าธรรมเนียมศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง หากจำเลยยังติดใจฎีกาก็ให้จำเลย นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งนี้