คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3493/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้บอกกล่าวทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้จนลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686 ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด เจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น ดังนั้นแม้ผู้ค้ำประกันจะมิได้รับหนังสือทวงถาม ผู้ค้ำประกันก็หาหลุดพ้นจากความรับผิดไม่ และโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องผู้ค้ำประกัน
โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือบอกเลิกแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อใดโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้เพียงแค่วันที่ลงในหนังสือนั้น ต่อจากนั้นไปคงคิดได้แต่ดอกเบี้ยธรรมดา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน กำหนดชำระดอกเบี้ยทุกวันสิ้นเดือน หากผิดนัดยอมให้โจทก์ทบดอกเบี้ยที่ค้างชำระเข้าเป็นเงินต้นเป็นคราว ๆ จำเลยที่ ๑ นำเงินเข้าและสั่งจ่ายเงินหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายคิดหักบัญชีในวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๑๘ หลังจากนั้นจำเลยที่ ๑ ไม่ได้นำเงินเข้าหรือสั่งจ่ายเงินอีกเลย ดอกเบี้ยค้างชำระรวมกับเงินเบิกเกินบัญชีเป็นเงินต้นคิดถึงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๒ จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้โจทก์ ๓๑,๒๕๕.๓๙ บาท เมื่อครบกำหนดที่จำเลยที่ ๑ จะต้องชำระหนี้โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ ให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ ๒ ไม่อยู่ในขณะที่โจทก์และจำเลยที่ ๑ ทำสัญญากัน เมื่อมีการหักบัญชีตั้งแต่วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๑๘ หลังจากวันดังกล่าวโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจำเลยที่ ๒ ไม่เคยรับหนังสือทวงถาม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน ๒๗,๒๕๗.๐๒ บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๒๒ จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์บอกกล่าวทวงถามให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้แล้ว จำเลยที่ ๑ จึงตกเป็นผู้ผิดนัด แม้จำเลยที่ ๒ จะไม่ได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์จำเลยที่ ๒ ก็หาหลุดพ้นจากความรับผิดไม่เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๘๖ บัญญัติว่า ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น
การที่โจทก์มีหนังสือลงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๑ บอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดนับแต่วันที่จำเลยที่ ๑ ได้รับหนังสือ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อใด ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้เพียงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๑ จำเลยที่ ๑ นำเงินเข้าบัญชีครั้งสุดท้ายวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๑๘ ตามบัญชีวันนั้นจำเลยที่ ๑ เป็นหนี้โจทก์ ๑๖,๕๒๖.๓๙ บาท โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำนวนเงิน ๑๖,๕๒๖.๓๙ บาท นับตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๑๘ จนถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๑ ต่อจากนั้นคงคิดได้แต่ดอกเบี้ยธรรมดา

Share