คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำให้การจำเลยที่ว่า ได้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างแก่โจทก์และโจทก์ตกลงจะให้จำเลยได้อยู่ในตึกแถว 2 คูหา มีกำหนดเวลา 25 ปีนั้น พอถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกแถวที่โจทก์สร้างขึ้นโดยจำเลยชำระเงินจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์จึงอนุมานได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยนัยอยู่ในตัว
สัญญาเช่นนี้แม้จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ใช้บังคับตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ได้
(อ้างฎีกาที่ 1627/2505 และที่ 1152/2507)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทจากโจทก์โดยออกเงินช่วยค่าก่อสร้างให้ และโจทก์ยอมให้จำเลยเช่ามีกำหนด 25 ปี แต่จำเลยยังค้างเงินช่วยค่าก่อสร้างอีก 10,000 บาท ทั้งยังค้างค่าเช่าตลอดมาจึงขอให้จำเลยชำระเงินที่ค้าง และขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวาร

จำเลยให้การว่า โจทก์เรียกเอาค่าก่อสร้างจากจำเลยโดยให้ถือเป็นค่าเช่าตลอด 25 ปี จำเลยชำระครบถ้วนแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกพิพาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ผิดสัญญาที่ให้ชำระเงินช่วยค่าก่อสร้าง และมิได้ผิดสัญญาค้างค่าเช่า และเห็นว่าตามคำให้การจำเลยแสดงว่าการที่จำเลยได้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างแก่โจทก์และโจทก์ตกลงจะให้จำเลยได้อยู่ในตึกแถว 2 คูหามีกำหนดเวลา 25 ปี เช่นนี้ พอถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกแถวที่โจทก์สร้างขึ้น โดยจำเลยชำระเงินจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์ จึงอนุมานได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยนัยอยู่ในตัวดังนี้ แม้จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ย่อมผูกพันโจทก์ในอันที่จะต้องให้จำเลยอยู่ตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่1627/2505 และฎีกาที่ 1152/2507

พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share