คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสามบรรยายฟ้องว่าโจทก์ทั้งสามเป็นบุตรของส.และน.ที่ดินพิพาทเป็นมรดกของส. กับน.โจทก์ทั้งสามในฐานะทายาทจึงมีส่วนได้เสียในที่ดินแปลงดังกล่าวซึ่งต่อมาจำเลยที่1ได้ฟ้องค. ในฐานะผู้จัดการมรดกของส. ให้โอนที่ดินหลายแปลงเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่9536/2523ของศาลแพ่งแล้วจำเลยที่1กับค.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยค.ตกลงโอนที่ดินให้จำเลยที่1ตามฟ้องรวมทั้งที่ดินพิพาทในคดีนี้ด้วยและในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าวค.มิได้แยกที่ดินส่วนที่เป็นสินสมรสของน.ออกก่อนน.และโจทก์ทั้งสามจึงได้ยื่นฟ้องค.ขอให้แบ่งสินสมรสและขอให้แบ่งมรดกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่10864/2534ของศาลแพ่งและน.ได้ฟ้องคดีขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยที่1กับค. ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่9536/2523ไม่มีผลผูกพันส่วนที่เป็นสินสมรสของน. เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่16824/2534ของศาลแพ่งในระหว่างดำเนินคดีดังกล่าวศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ค.ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความแต่ค.ไม่ยอมส่งโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ศาลศาลแพ่งจึงมีหนังสือถึงจำเลยที่3ที่4และที่9ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินสังกัดจำเลยที่10ให้ออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์โจทก์ทั้งสามคัดค้านต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าออกใบแทนไม่ได้เพราะเอกสารดังกล่าวอยู่ที่โจทก์มิได้สูญหายไปแต่จำเลยที่3ที่4ที่9และที่10ยังฝ่าฝืนออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้งๆที่ปิดประกาศไม่ครบกำหนดและไม่ได้ปิดประกาศในที่ดินพิพาททุกแปลงอันเป็นการไม่ชอบแล้วโอนให้จำเลยที่1เสร็จแล้วจำเลยที่1ได้จดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยที่2และที่5ถึงที่8โดยจำเลยที่2และที่5ถึงที่8รู้ว่าโจทก์ทั้งสามและน.ได้ฟ้องค.ขอแบ่งสินสมรสและแบ่งมรดกและได้ฟ้องคดีขอให้มีคำพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยที่1กับค. ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่9536/2523ของศาลแพ่งไม่มีผลผูกพันสินสมรสของน. ทั้งนี้จำเลยที่1ที่2และที่5ถึงที่8สมคบกันกระทำเพื่อมิให้โจทก์ทั้งสามได้รับส่วนแบ่งที่ดินพิพาทโจทก์ทั้งสามถือว่าการกระทำของจำเลยทั้งสิบเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินต้องเพิกถอนโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของนายสดที่โจทก์ทั้งสามครอบครองอยู่อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสามจึงเป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทและเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในที่ดินพิพาทจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียและกล่าวอ้างว่าการกระทำของจำเลยที่3ที่4ที่9และที่10ในการออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไม่ชอบด้วยกฎหมายทั้งอ้างว่าการกระทำของจำเลยที่1ที่2และที่5ถึงที่8ที่สมคบกันโอนที่ดินพิพาทให้แก่กันนั้นทำให้โจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหายเมื่อโจทก์ทั้งสามมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวด้วยคำพิพากษาและการบังคับคดีในคดีดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ทั้งสามในคดีนี้คำฟ้องของโจทก์ทั้งสามจึงเป็นการตั้งประเด็นข้อพิพาทขึ้นมาใหม่โจทก์ทั้งสามจึงมีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสด และนางเนียน กูรมะโรหิต เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2521นายสดถึงแก่กรรม ศาลแพ่งมีคำสั่งแต่งตั้งนายครรชิต กูรมะโรหิตเป็นผู้จัดการมรดกของนายสด นายครรชิตในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสดได้ถูกจำเลยที่ 1 ฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง ให้โอนขายที่ดินมรดกของนายสดแก่จำเลยที่ 1 ในที่สุดคดีตกลงกันได้โดยนายครรชิตตกลงโอนขายที่ดินที่พิพาทในคดีนี้รวม 21 แปลง และที่ดินอื่น ๆ ให้แก่จำเลยที่ 1 โดยมิได้มีการแบ่งแยกส่วนที่เป็นสินสมรสของนายเนียนก่อน รายละเอียดปรากฏอยู่ในคำพิพากษาตามยอมคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9536/2523 ของศาลแพ่ง ภายหลังศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้บังคับคดีให้นายครรชิตทำการโอนและส่งมอบที่ดินงวดที่สามซึ่งเป็นที่ดินพิพาทในคดีนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 กับมีคำสั่งให้นายครรชิตนำส่งต้นฉบับโฉนดที่ดินและเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าวที่นายครรชิตยึดถือครอบครองอยู่ให้แก่ศาลแพ่ง แต่นายครรชิตมิได้นำส่ง ศาลแพ่งจึงมีคำสั่งว่าให้ถือว่าโฉนดที่ดินและเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าวได้สูญหายไปแล้ว ศาลแพ่งได้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง ให้ดำเนินการออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทจำนวน 16 แปลง และจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งขณะนั้นมีจำเลยที่ 3 ดำรงตำแหน่ง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง และศาลแพ่งยังมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี ให้ดำเนินการออกใบแทน น.ส.3 ก. ที่ดินพิพาทจำนวน 5 แปลง และจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งขณะนั้น มีจำเลยที่ 4 เป็นนายอำเภอปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ต่อมาในวันที่30 ตุลาคม 2534 สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง และที่ว่าการอำเภอสัตหีบได้ปิดประกาศเรื่องจำเลยที่ 1 ขอออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทน น.ส. 3 ก. ดังกล่าวเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียคัดค้านภายใน 30 วัน ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2534 นางเนียนและโจทก์ทั้งสามได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นคำขอคัดค้านในการออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาททั้ง 16 แปลง ต่อจำเลยที่ 3 ว่าต้นฉบับโฉนดที่ดินดังกล่าวมิได้สูญหาย ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2534 นางเนียนได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นคำขอคัดค้านการออกใบแทน น.ส.3 ก.จำนวน 5 แปลง ต่อจำเลยที่ 4 ด้วยเหตุผลเดียวกัน การที่ศาลแพ่งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9536/2523 มีหนังสือถึงจำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้ออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทน น.ส. 3 ก. นั้น จึงคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริง นอกจากนี้การออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทน น.ส.3 ก.ดังกล่าว และได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยที่ 3และที่ 4 ออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทน น.ส. 3 ก. ที่ดินพิพาทในวันที่ 3 และ 4 ธันวาคม 2534 เป็นการออกใบแทนก่อนครบกำหนด30 วัน ย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมายตกเป็นโมฆะ ดังนั้น การจดทะเบียนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ลงในใบแทนดังกล่าวจึงขัดต่อกฎหมาย และจำเลยที่ 1 ได้สมคบกับจำเลยที่ 2และที่ 4 ถึงที่ 9 ฉ้อฉลโจทก์ด้วยการให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำหน่ายที่ดินตามใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทน น.ส. 3 ก.ที่ดินพิพาททั้งหมดให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 5 ถึงที่ 8 เพื่อทำให้ที่ดินหลุดพ้นจากกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เพื่อมิให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งที่ดินตามที่โจทก์ได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลขอให้นายครรชิตแบ่งสินสมรสของนางเนียนและแบ่งปันทรัพย์มรดกให้นางเนียนโจทก์ทั้งสามและทายาทอื่น กับขอให้ศาลพิพากษาว่าคำพิพากษาตามยอมคดีแพ่งหมายเลขที่ 9536/2523 ของศาลแพ่ง ไม่มีผลผูกพันสินสมรสของนางเนียน ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 10864/2534และคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 16824/2534 ของศาลแพ่งตามลำดับ ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทต่าง ๆ นี้ จำเลยที่ 9 ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุงและจำเลยที่ 4 ซึ่งดำรงตำแหน่งนายอำเภอสัตหีบเป็นเจ้าพนักงานผู้ทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมที่ดินดังกล่าวลงในสารบัญจดทะเบียนในใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทน น.ส. 3 ก. ที่ดินพิพาทต่อมาในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2535 นางเนียนได้ถึงแก่กรรมโดยตั้งโจทก์ที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกไว้ในพินัยกรรมสำหรับจำเลยที่ 10 เป็นกรมในรัฐบาล สังกัดกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจหน้าที่ บริหารที่ดิน จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทั้งปวง และเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 3ที่ 4 และที่ 9 ซึ่งเป็นผู้แทนจึงต้องร่วมรับผิดในการกระทำดังกล่าว ขอให้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 9 และที่ 10ร่วมกันเพิกถอนทำลายใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 3258, 3259, 3357,3456, 3498, 3558, 3659, 3660, 3661, 3662, 3663, 3716, 3717,3718, 3719 และ 3720 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีและเพิกถอนทำลายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพาทดังกล่าวทั้งหมดซึ่งได้ทำขึ้นภายหลังออกใบแทนโฉนดที่ดิน ให้จำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 10 ร่วมกันเพิกถอนทำลายใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 781, 1353, 1520, 1521, และ1306 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และเพิกถอนทำลายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินพิพาททั้งหมดซึ่งได้ทำขึ้นภายหลังจากออกใบแทน น.ส.3 ก. ให้จำเลยที่ 2ส่งคืนใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 3660, 3661, 3717, 3718 และ 3720ให้จำเลยที่ 5 ส่งคืนใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 3663, 3719 และ 3659ให้จำเลยที่ 6 ส่งคืนใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 3456, 3258, 3259,3357, 3498 และ 3558 และให้จำเลยที่ 7 ส่งคืนใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 3662 และ 3716 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี ให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง เพื่อเพิกถอนทำลาย ให้จำเลยที่ 8 ส่งคืนใบแทนน.ส. 3 ก. เลขที่ 781, 1353, 1520, 1521 และ 1306 ตำบลนาจอมเทียนอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี เพื่อเพิกถอนทำลาย หากจำเลยทั้งสิบไม่ยอมปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาแทน กับพิพากษาว่าโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เดิมตามที่ได้ออกใบแทนยังมีผลตามกฎหมายต่อไป
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 10 ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ในวันชี้สองสถานซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนคำขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โจทก์ทั้งสามแถลงรับว่า ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาที่ 4188/2533 พิพากษาให้นายครรชิต กูรมะโรหิต โอนที่ดินพิพาทในคดีนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 ปรากฏตามเอกสารท้ายคำให้การฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2535
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้อง คำให้การ และคำรับของโจทก์จำเลยแล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 10 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 10 ฎีกาว่าคำฟ้องของโจทก์ทั้งสามไม่ได้เป็นการตั้งประเด็นข้อพิพาทขึ้นมาใหม่โจทก์ทั้งสามไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า โจทก์ทั้งสามฟ้องขอให้เพิกถอนการออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก) ตลอดจนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าว โดยโจทก์ทั้งสามบรรยายฟ้องว่า โจทก์ทั้งสามเป็นบุตรของนายสดและนางเนียน กูรมะโรหิตที่ดินพิพาทเป็นมรดกของนายสดกับนางเนียน โจทก์ทั้งสามในฐานะทายาทจึงมีส่วนได้เสียในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องนายครรชิต กูรมะโรหิตในฐานะผู้จัดการมรดกของนายสดให้โอนที่ดินหลายแปลงเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9536/2523 ของศาลแพ่ง แล้วจำเลยที่ 1 กับนายครรชิตได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยนายครรชิตตกลงโอนที่ดินให้จำเลยที่ 1 ตามฟ้องรวมทั้งที่ดินพิพาทในคดีนี้ด้วย และในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีดังกล่าว นายครรชิตมิได้แยกที่ดินส่วนที่เป็นสินสมรสของนางเนียนออกส่วนนางเนียนและโจทก์ทั้งสามจึงได้ยื่นฟ้องนายครรชิตขอให้แบ่งสินสมรสและขอให้แบ่งมรดกเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 10864/2534 ของศาลแพ่งและนางเนียนได้ฟ้องคดีขอให้ศาลพิพากษาว่า สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยที่ 1 กับนางครรชิตในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9536/2523 ไม่มีผลผูกพันส่วนที่เป็นสินสมรสของนางเนียนเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 16824/2534 ของศาลแพ่ง ในระหว่างดำเนินคดีดังกล่าว ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้นายครรชิตปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แต่นายครรชิตไม่ยอมส่งโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่ศาล ศาลแพ่งจึงมีหนังสือถึงจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 9 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินสังกัดจำเลยที่ 10 ให้ออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์โจทก์ทั้งสามคัดค้านต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าออกใบแทนไม่ได้เพราะเอกสารดังกล่าวอยู่ที่โจทก์มิได้สูญหายไป แต่จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 9 และที่ 10 ยังฝ่าฝืนออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทั้ง ๆ ที่ปิดประกาศไม่ครบกำหนดและไม่ได้ปิดประกาศในที่ดินพิพาททุกแปลงอันเป็นการไม่ชอบ แล้วโอนให้จำเลยที่ 1 เสร็จแล้วจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนโอนให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 5 ถึงที่ 8 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 5 ถึงที่ 8รู้ว่าโจทก์ทั้งสามและนางเนียนได้ฟ้องนายครรชิตขอแบ่งสินสมรสและแบ่งมรดก และได้ฟ้องคดีขอให้มีคำพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลยที่ 1 กับนายครรชิตในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 9536/2523 ของศาลแพ่ง ไม่มีผลผูกพันสินสมรสของนางเนียน ทั้งนี้ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 ถึงที่ 8 สมคบกันกระทำเพื่อมิให้โจทก์ทั้งสามได้รับส่วนแบ่งที่ดินพิพาทโจทก์ทั้งสามถือว่าการกระทำของจำเลยทั้งสิบเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินต้องเพิกถอนโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของนายสดที่โจทก์ทั้งสามครอบครองอยู่อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสาม ซึ่งคำฟ้องของโจทก์ทั้งสามเป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาทและเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในที่ดินพิพาทจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และกล่าวอ้างว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 ที่ 4ที่ 9 และที่ 10 ในการออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งอ้างว่าการกระทำของจำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 5 ถึงที่ 8 ที่สมคบกันโอนที่ดินพิพาทให้แก่กันนั้นทำให้โจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหาย เมื่อโจทก์ทั้งสามมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าวด้วย คำพิพากษาและการบังคับคดีในคดีดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ทั้งสามในคดีนี้ คำฟ้องของโจทก์ทั้งสามจึงเป็นการตั้งประเด็นข้อพิพาทขึ้นมาใหม่ โจทก์ทั้งสามจึงมีอำนาจฟ้อง และหากข้อเท็จจริงฟังได้ตามข้ออ้างของโจทก์ทั้งสามแล้วก็อาจมีผลทำให้ต้องเพิกถอนการออกใบแทนโฉนดที่ดินและใบแทนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ รวมทั้งอาจต้องเพิกถอนการโอนที่ดินพิพาทตามฟ้องด้วย กรณีจึงเป็นเรื่องที่ต้องฟังพยานหลักฐานตามที่คู่ความนำสืบให้สิ้นกระแสความเสียก่อน
พิพากษายืน

Share