คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยต่างปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความกันถูกต้องแล้ว โดยจำเลยได้นำโฉนดที่ดินมาวางศาล ส่วนโจทก์ก็ได้ นำเงิน ค่าซื้อที่ดินมาวางศาลครบถ้วนและได้รับโฉนดที่ดินไปแล้ว แต่ตาม สัญญาประนีประนอมยอมความมิได้กำหนดวันเดือนปีที่ จะไป จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลย ผิดนัด ไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ตามที่ระบุ ใน สัญญาประนีประนอมยอมความและถือไม่ได้ว่าโจทก์ผิดนัดด้วย โจทก์จำเลยจึงต้องกำหนดวันนัดไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันต่อไป และในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันนั้น แม้จำเลยผู้โอนจะต้องเสียภาษีเงินได้ และหากจำเลยไม่ชำระเจ้าพนักงานที่ดินจะไม่ยอมจดทะเบียนโอนตามที่โจทก์ยื่นคำแถลงก็ตาม ก็เป็น เรื่อง กาลภายภาคหน้า ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะดำเนินการในทางอื่น ต่อไปได้ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จำเลยมิได้ตกลง กันไว้ ให้โจทก์หักหรือกันเงินค่าภาษีเงินได้ที่จำเลยจะต้องเสีย ออกจากเงิน ค่าซื้อที่ดินที่โจทก์นำมาวางศาลแต่อย่างใด โจทก์จึง หามีสิทธิขอให้ ศาลหักหรือกันเงินดังกล่าวไม่ จำเลยมีสิทธิรับเงิน ไปตาม สัญญาประนีประนอมยอมความ

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม และมีคำบังคับให้โจทก์และจำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีข้อความว่า จำเลยยอมขายที่ดินโฉนดเลขที่ 29884 ในราคา 1,400,000 บาท ให้แก่โจทก์ภายใน 7 เดือน นับแต่วันทำยอม หากจำเลยผิดนัดไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์จำเลยยอมให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย จำเลยจะนำโฉนดมาวางศาลภายใน 1 เดือนนับแต่วันทำยอม โจทก์จะรับโฉนดไปต่อเมื่อได้นำเงินค่าซื้อที่ดินมาวางศาลแล้ว ค่าฤชาธรรมเนียมในการขาย โอนที่ดิน ค่าฤชากร ค่าอากรแสตมป์และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการโอนให้โจทก์เป็นผู้ชำระเองทั้งสิ้น ต่อมาจำเลยนำโฉนดมาวางศาล และโจทก์นำเงินค่าซื้อที่ดินจำนวน 1,400,000 บาทมาวางศาล และยื่นคำแถลงว่า ผู้โอนจะต้องเสียภาษีเงินได้ทั้งสิ้น 50,000บาท จึงขอให้ศาลกันเงินดังกล่าวไว้ เพื่อโจทก์จะเป็นผู้รับไปจากศาลไปชำระเองเมื่อจดทะเบียนโอนที่ดินกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยรับเงิน 1,350,000 บาท ไปก่อน ต่อมาอนุญาตให้จำเลยรับเงิน50,000 บาทไปได้

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ กลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์จำเลยต่างได้ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความกันถูกต้องแล้วโดยจำเลยได้นำโฉนดที่ดินมาวางศาล ส่วนโจทก์ก็ได้นำเงินค่าซื้อที่ดินมาวางศาลครบถ้วนและได้รับโฉนดที่ดินไปแล้ว แต่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้กำหนดวันเดือนปีที่จะไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินกันกรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ตามที่ระบุในสัญญาประนีประนอมยอมความ และถือไม่ได้ว่าโจทก์ผิดนัดด้วย โจทก์จำเลยจึงต้องกำหนดวันนัดไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันต่อไป และในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันนั้น แม้จำเลยผู้โอนจะต้องเสียภาษีเงินได้ทั้งสิ้น 50,000 บาท และหากจำเลยผู้โอนไม่ชำระ เจ้าพนักงานที่ดินจะไม่รับจดทะเบียนโอนตามที่โจทก์ยื่นคำแถลงก็ตาม ก็เป็นเรื่องกาลภายหน้าซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะดำเนินการในทางอื่นต่อไป นี้ประการหนึ่งอีกประการหนึ่งตามสัญญาประนีประนอมยอมความโจทก์จำเลยมิได้ตกลงกันไว้ว่าให้โจทก์หักหรือกันเงินค่าภาษีเงินได้ที่จำเลยจะต้องเสียออกจากเงินค่าซื้อที่ดินที่โจทก์นำมาวางศาลได้แต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลหักหรือกันเงินค่าซื้อที่ดินไว้ 50,000 บาท เพื่อโจทก์จะนำไปชำระเป็นค่าภาษีเงินได้ของจำเลยเมื่อจดทะเบียนโอนที่ดิน เงินจำนวน 50,000 บาท ดังกล่าวเป็นเงินค่าซื้อที่ดินที่โจทก์วางศาลไว้ จำเลยมีสิทธิรับไปได้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้จำเลยรับไปจึงชอบแล้ว

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share