แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่3ไม่ยินยอมส่งมอบเฮโรอีนของกลางให้ร้อยตำรวจเอกส. จนกว่าสามารถเบิกเงินตามตั๋วแลกเงินของร้อยตำรวจเอกส.ที่ธนาคารก่อนและร้องตำรวจเอกส. ก็ยินยอมไปเบิกเงินที่ธนาคารด้วยกันเท่ากับเป็นการซื้อขายโดยมีเงื่อนไขการซื้อเฮโรอีนยังไม่สำเร็จบริบูรณ์เมื่อจำเลยทั้งสามถูกจับเสียก่อนมีการส่งมอบเฮโรอีนของกลางการกระทำของจำเลยที่3ในส่วนนี้จึงเป็นความผิดเพียงฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนของกลางเท่านั้นการที่จำเลยที่3ครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนโดยจำเลยที่1และที่2รู้เห็นมาตั้งแต่ต้นและร่วมกันกระทำความผิดกับจำเลยที่3โดยแบ่งหน้าที่กันทำจำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 67 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 66 วรรคสองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90 จำคุกคนละตลอดชีวิต ของกลางริบ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยทั้งสามพร้อมด้วยเฮโรอีนของกลางซึ่งมีปริมาณเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์หนัก 0.616 กิโลกรัม คดีมีปัญหาว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ตามพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้เจรจาซื้อขายเฮโรอีนกับร้อยตำรวจเอกสัจจาแล้วทำสัญญาให้จำเลยที่ 2 เปิดประตูห้องหมายเลข 832 ในโรงแรมยะลารามาให้ร้อยตำรวจเอกสัจจาเข้าไปตกลงซื้อขายเฮโรอีนกับจำเลยที่ 3 ในห้องของโรงแรม เมื่อจำเลยที่ 3 นำเฮโรอีนของกลางให้ร้อยตำรวจเอกสัจจาดูและตรวจความถูกต้องจนร้อยตำรวจเอกสัจจาตกลงซื้อเฮโรอีน โดยจะนำจำเลยทั้งสามไปเบิกเงินตามตั๋วแลกเงินที่ธนาคารและให้จำเลยที่ 1นำเฮโรอีนของกลางไปด้วยนั้นต่างก็กระทำกันต่อหน้าโดยจำเลยที่ 1และที่ 2 รู้เห็นด้วย ทันใดที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ถูกจับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าจำเลยที่ 3มีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยที่ 3ไม่ยินยอมส่งมอบเฮโรอีนของกลางให้ร้อยตำรวจเอกสัจจาจนกว่าสามารถเบิกเงินตามตั๋วแลกเงินของร้อยตำรวจเอกสัจจาที่ธนาคารก่อนและร้อยตำรวจเอกสัจจาก็ยินยอมไปเบิกเงินที่ธนาคารด้วยกันเท่ากับเป็นการซื้อขายโดยมีเงื่อนไขการซื้อเฮโรอีนยังไม่สำเร็จบริบูรณ์เมื่อจำเลยทั้งสามถูกจับเสียก่อนมีการส่งมอบเฮโรอีนของกลางการกระทำของจำเลยที่ 3 ในส่วนนี้จึงเป็นความผิดเพียงฐานพยายามจำหน่ายเฮโรอีนของกลางเท่านั้น การที่จำเลยที่ 3 ครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนโดยจำเลยที่ 1และที่ 2 รู้เห็นมาตั้งแต่ต้น และร่วมกันกระทำความผิดกับจำเลยที่ 3 โดยแบ่งหน้าที่กันทำ จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเฮโรอีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 66 วรรคสองประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 80 การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3