คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3475/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เอาประกันภัยการขนส่งเครื่องปั๊มน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ ของโจทก์ซึ่งบรรทุกมากับเรือเดินทะเล จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อส่งให้แก่โจทก์ ไว้กับจำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัย และเอาประกันภัยการติดตั้งวัสดุและอุปกรณ์ ดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วย ต่อมาปรากฏว่าส่วนประกอบของเครื่องปั๊มน้ำเสียหายหลายรายการโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เป็นเงิน 218,600.06 บาท จำเลยมีหนังสือตอบโจทก์ว่า สาเหตุของความเสียหายเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลความเสียหายคงจะเกิดจากการติดตั้งและจำเลยเสนอที่จะชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน 147,375.06 บาท โจทก์มีหนังสือตอบจำเลยว่าได้ตรวจสอบความเสียหายอีกครั้งหนึ่งแล้ว ตกลงที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง และขอคำนวณค่าเสียหายใหม่เป็นเงิน 174,203.40 บาท จำเลยมีหนังสือตอบโจทก์ยืนยันว่าจะชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท ดังนี้หนังสือของจำเลยฉบับหลังกล่าวอ้างถึงหนังสือของจำเลยตามฉบับแรกซึ่งจำเลยเคยขอเสนอชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาทและจำเลยยืนยันในหนังสือฉบับหลังอีกครั้งว่าจะชำระค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดแม้จำนวนเงินที่จำเลยเสนอจะต่ำกว่าที่โจทก์เรียกร้อง แต่จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งค่าสินไหมทดแทนในจำนวนเงิน 147,375.06 บาทกลับยืนยันว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์ หนังสือของจำเลยตามเอกสารดังกล่าว จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เดิม ความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง ไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล แม้โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ด้วย แต่โจทก์ก็กล่าวอ้างว่าเป็นการรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อได้ความว่าจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งมิได้รับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เช่นนี้ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยและจำเลยตกลงรับประกันภัยการขนส่งเครื่องปั๊มน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ ของโจทก์ซึ่งบรรทุกมากับเรือแฟรังค์เฟิทเอ็กซ์เพรสจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อส่งให้แก่โจทก์ ณ โครงการก่อสร้างโรงจักรพลังไอน้ำและกังหันก๊าซบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อมาเมื่อวัสดุอุปกรณ์ที่โจทก์เอาประกันภัยไว้กับจำเลยส่งมาถึงโจทก์ โจทก์ได้ตรวจรับพบว่าส่วนประกอบต่าง ๆ ของเครื่องปั๊มน้ำชำรุดเสียหายระหว่างการขนส่งหลายรายการ ไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน 215,158.90 บาท ตามราคาวัสดุที่เสียหาย รวมกับค่าใช้จ่ายในการออกของ ค่าขนส่งภายในประเทศและค่าเบี้ยประกันภัยซึ่งจำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์อีก 3,441.16 บาท รวมเป็นค่าเสียหายทั้งสิ้น 218,600.06 บาท โจทก์ได้มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวนดังกล่าวแล้ว จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยืนยันว่าจะชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ ต่อมาโจทก์ได้ตรวจสอบรายละเอียดของความเสียหายอีกครั้งหนึ่งและมีหนังสือทวงถามให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 174,203.40บาท ให้แก่โจทก์ ตัวแทนของจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ยินยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวให้แก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ชำระขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินไหมทดแทน 207,955.27 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 174,203.40 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เครื่องปั๊มน้ำที่โจทก์ได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยมิได้ชำรุดเสียหายระหว่างการขนส่ง แต่เสียหายเนื่องจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งไม่ได้รับการคุ้มครองตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยจำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาสูงเกินความเป็นจริงโดยค่าเสียหายอย่างสูงไม่เกิน 147,375.06 บาทตามสัญญาประกันภัยมิได้กำหนดดอกเบี้ยในค่าสินไหมทดแทนไว้ทั้งจำเลยมิได้ผิดนัด โจทก์จึงเรียกให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยมิได้ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ โจทก์ในฐานะผู้เอาประกันภัยฟ้องเรียกให้จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยต้องฟ้องภายในกำหนดเวลา 2 ปี นับแต่วันวินาศภัยเครื่องปั๊มน้ำที่โจทก์เอาประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม2526 โจทก์ต้องฟ้องคดีภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2528 แต่ในวันดังกล่าวจำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความ 2 ปี นับแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2528 เมื่อโจทก์นำคดีนี้มาฟ้องเมื่อวันที่ 28มีนาคม 2531 คดีโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ 207,955.27 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 174,203.40 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์เอาประกันภัยการขนส่งเครื่องปั๊มน้ำสำหรับการส่งน้ำเข้าหม้อต้ม และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ ของโจทก์ซึ่งบรรทุกมากับเรือแฟรังค์เฟิท เอ็กซ์เพรส จากประเทศญี่ปุ่นเพื่อส่งให้แก่โจทก์ ณโครงการก่อสร้างโรงจักรพลังไอน้ำและกังหันก๊าซบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ไว้กับจำเลย ปรากฏตามสำเนากรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เอกสารหมาย จ.11 และโจทก์เอาประกันภัยการติดตั้งวัสดุและอุปกรณ์ไฟฟ้าดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วย ปรากฏตามสำเนากรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งเอกสารหมาย จ.12 ต่อมาปรากฏว่าส่วนประกอบของเครื่องปั๊มน้ำดังกล่าวเสียหายหลายรายการโดยโจทก์พบความเสียหาย เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2526 โจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เป็นเงิน218,600.06 บาทปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.3 จำเลยมีหนังสือตอบโจทก์ว่าสาเหตุของความเสียหายเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรซึ่งไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล ความเสียหายคงจะเกิดจากการติดตั้งจำเลยเสนอที่จะชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน 147,375.06 บาท ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.5 โจทก์มีหนังสือตอบจำเลยว่าได้ตรวจสอบความเสียหายอีกครั้งหนึ่งแล้ว ตกลงที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้เงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง และขอคำนวณค่าเสียหายใหม่เป็นเงิน 174,203.40 บาท ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.6 จำเลยมีหนังสือลงวันที่ 25 มีนาคม 2530 ตอบโจทก์ยืนยันว่าจะชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาทปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.7 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกมีว่า หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 เป็นหนังสือรับสภาพหนี้หรือไม่ จำเลยฎีกาว่า หนังสือของจำเลยที่มีถึงโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.7 ไม่ใช่หนังสือรับสภาพหนี้ แต่เป็นเอกสารที่จำเลยโต้แย้งค่าเสียหาย เห็นว่า หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7กล่าวอ้างถึงหนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.5 ซึ่งจำเลยเคยขอเสนอชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท และจำเลยยืนยันในหนังสือเอกสารหมาย จ.7 อีกครั้งว่าจะชำระค่าเสียหายดังกล่าวให้แก่โจทก์เป็นเงิน 147,375.06 บาท ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด แม้จำนวนเงินที่จำเลยเสนอจะต่ำกว่าที่โจทก์เรียกร้องแต่จำเลยก็มิได้โต้แย้งค่าสินไหมทดแทนในจำนวนเงิน 147,375.06 บาทกลับยืนยันว่าจะใช้เงินจำนวนนี้ให้แก่โจทก์ หนังสือของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.7 จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เดิมแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อสองมีว่า จำเลยจะต้องรับผิด ชำระหนี้ให้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลซึ่งคุ้มครองความเสียหายอันเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง แต่ความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำมิได้เกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง แต่เกิดจากการติดตั้งซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้ง แม้โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ด้วยก็ตาม แต่การรับสภาพหนี้ที่โจทก์จะมีสิทธิฟ้องบังคับได้จะต้องเป็นการรับสภาพหนี้ที่เกิดจากมูลหนี้เดิมคือมูลหนี้ซึ่งเกิดจากกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อหนังสือเอกสารหมาย จ.7 มิใช่หนังสือรับสภาพหนี้อันเกิดจากมูลหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดโจทก์แก้ฎีกาว่าความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำเกิดขึ้นจากการขนส่งซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลเห็นว่านายชุริน ภัทรดิลก ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายระบบและระเบียบงานของโจทก์ พยานโจทก์เบิกความว่า หลังจากโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์แล้วนายกมล ทองพิทักษ์กุลผู้จัดการทั่วไปของจำเลยมีหนังสือแจ้งว่าความเสียหายมิได้เกิดขึ้นจากการขนส่ง แต่เป็นเรื่องไฟฟ้าลัดวงจร น่าจะไปเรียกร้องตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งมากกว่า ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.5 พยานจึงได้ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าเป็นเรื่องไฟฟ้าลัดวงจรจริง จึงคำนวณค่าเสียหายใหม่ และแจ้งให้จำเลยทราบ ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.6 และนายชุรินเบิกความอีกด้วยว่า สำหรับความเสียหายคดีนี้โจทก์รับว่าเป็นความเสียหายอันเกิดจากการติดตั้งเครื่องจักร นอกจากนี้ปรากฏตามหนังสือเอกสารหมาย จ.6 ชัดแจ้งว่า โจทก์ตกลงที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนภายใต้เงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าความเสียหายของเครื่องปั๊มน้ำเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งอยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งเอกสารหมาย จ.12ไม่ได้อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลตามฟ้อง เมื่อโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล แม้โจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยตามหนังสือรับสภาพหนี้ด้วยก็ตามแต่โจทก์ก็กล่าวอ้างว่าเป็นการรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเล เมื่อได้ความว่าจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการเสี่ยงภัยทุกชนิดในการติดตั้งมิได้รับสภาพหนี้ตามกรมธรรม์ประกันภัยการขนส่งทางทะเลตามฟ้องเช่นกันเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยข้ออื่นต่อไปที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share