แหล่งที่มา : ADMIN
ย่อสั้น
ทำสัญญากู้เงินกันแล้วตกลงเปลี่ยนสัญญานั้นเป็นสัญญาขายฝากเรือนเป็นการทำสัญญษเปลี่ยนสิ่งของซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ทำให้หนี้เงินกู้เป็นอันระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา349.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2528 จำเลยได้กู้เงินโจทก์จำนวน50,000 บาท สัญญาให้ดอกเบี้ยชั่งละ 1 บาทต่อเดือน ต่อมาโจทก์ไม่มีความประสงค์ให้จำเลยกู้เงินจึงบอกกล่าวให้จำเลยชำระเงินแต่จำเลยไม่ชำระ ขอให้จำเลยชำระเงิน 50,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย 4 ปีเป็นเงิน 30,000 บาท และดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีในต้นเงิน 50,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2518 จำเลยประสงค์จะขายฝากเรือนที่ปลูกในที่ดินของวัดซังซิสเซเวียให้โจทก์ราคา 50,000 บาทมีกำหนด 3 ปีแต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องปิดประกาศก่อนเมื่อครบกำหนดแล้วจึงจะทำสัญญาขายฝากให้ ก่อนประกาศครบกำหนดจำเลยจำเป็นต้องใช้เงินจึงได้ขอรับเงินจำนวน 50,000 บาท จากโจทก์ไปก่อน โจทก์ยอมแต่ให้จำเลยทำสัญญากู้เงินให้โจทก์และจ่ายเช็คค้ำประกันเป็นเงิน 50,000 บาทให้โจทก์ไว้ ต่อมาวันที่ 19 มีนาคม 2518 จำเลยได้ทำสัญญาขายฝากเรือนดังกล่าวให้โจทก์ โจทก์คืนเช็คให้จำเลย ส่วนสัญญากู้อ้างว่าหายไป ต่อมาเมื่อใกล้ครบกำหนดไถ่ถอนการขายฝากโจทก์ไม่ยอมให้ไถ่ถอน จำเลยจึงฟ้องโจทก์ในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยโจทก์ยอมรับเงิน 50,000 บาทไปและยอมให้จำเลยไถ่ถอนการขายฝาก สัญญากู้ฉบับที่โจทก์นำมาฟ้องได้แปลงหนี้เป็นสัญญาขายฝากและจำเลยได้ชำระเงินตามสัญญาขายฝากแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญากู้ตามฟ้องได้ยกเลิกไปโดยการแปลงหนี้ใหม่โดยการจดทะเบียนการขายฝากและจำเลยได้ไถ่ถอนการขายฝากแล้ว จึงไม่มีหนี้สินใด ๆ ที่จะต้องชดใช้ให้โจทก์อีก พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ในปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเปลี่ยนหนี้เงินกู้เป็นขายฝาก อันเป็นการแปลงหนี้ใหม่หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าการกู้เงินรายนี้ทำขึ้นระหว่างที่จำเลยรอเวลาทำนิติกรรมขายฝากเรือนให้แก่โจทก์สัญญากู้ตามเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งศาลชั้นต้นเรียกจากโจทก์ตามคำขอของจำเลยมีสำเนาเช็คที่จำเลยออกให้ปิดทับสัญญาข้อ 3 และข้อ 4 ไว้ พลตำรวจตรีนิรุธไกรฤกษ์ พยานจำเลยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลได้ตรวจพิสูจน์แล้ว เห็นว่าข้อความตรงที่เช็คปิดทับอยู่นั้น ตรวจพบข้อความตัวพิมพ์ดีดดังนี้ ข้อ 3 อ่านได้ความว่า “12 มีนาคม 2521” และ “มีนาคม” ข้อ 4 อ่านได้ว่า “ผู้กู้จะชำระ” และเมษายน 2518 เป็นต้นไป ดังนั้น สัญญากู้ดังกล่าวจึงเชื่อได้ว่า ความในข้อ 3มีว่า ผู้กู้ยอมสัญญาว่าจะนำเงินที่กู้นี้มาชำระแก่ผู้ให้กู้ภายในวันที่ 12 มีนาคม 2521เห็นได้ว่าจำนวนเงินตามสัญญากู้และสัญญาขายฝากเท่ากัน กำหนดชำระภายใน3 ปีเท่ากัน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์แล้วได้ตกลงเปลี่ยนสัญญากู้นั้นเป็นสัญญาขายฝากเรือน เป็นการทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ ทำให้หนี้เงินกู้เป็นอันระงับสิ้นไปด้วยแปลงหนี้ใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 โจทก์จะฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยหาได้ไม่ พิพากษายืน