แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อที่พิพาทยังมิได้มีพระราชบัญญัติเพิกถอนการเวนคืนจึงยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินได้แม้ทางราชการยังมิได้นำที่พิพาทไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ ในการเวนคืน จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะครอบครองปรปักษ์
แม้พระราชบัญญัติที่ราชพัสดุจะบัญญัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่พิพาท แต่เมื่อมีพระราชบัญญัติเวนคืนฯ ให้เวนคืนที่พิพาทแก่กรมทางหลวง กรมทางหลวงจึงเป็นผู้ครอบครองดูแลที่พิพาทโดยตรง และมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับที่พิพาทได้
ย่อยาว
คดีทั้ง ๑๐ สำนวนนี้ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาพิพากษากับคดีอื่นรวม ๒๐ สำนวน
โจทก์ทั้งสิบสำนวนฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองดูแลรักษาที่สงวนของกรมทางหลวง ที่ตำบลพยุหะ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๔๘๕ ได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางแยกจากทางหลวงประชาธิปัตย์ ฯ ในท้องที่อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ให้แก่กรมทางหลวง จำเลยได้บุกรุกเข้าไปปลูกอาคารลงในที่ดินโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ไม่อาจใช้ที่ดินได้ตามวัตถุประสงค์ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาทให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาท ห้ามมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
จำเลยทั้งสิบสำนวนให้การว่า จำเลยต่างได้ครอบครองที่พิพาทโดยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ และได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ที่พิพาทได้ถูกเวนคืนแก่กรมทางหลวงมิได้นำเอาที่ดินไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติเวนคืนฯ ที่พิพาทจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินเดิม และที่พิพาทตกเป็นของกระทรวงการคลังตามพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๕ มาตรา ๑๑ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาท ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
จำเลยอุทธรณ์รวม ๑๖ สำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสิบสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยทั้งสิบสำนวนฎีกาว่าที่พิพาทที่เวนคืนไปนั้น โจทก์มิได้นำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ในการเวนคืนที่พิพาทจึงมิใช่ที่สาธารณะ จำเลยย่อมมีสิทธิครอบครองปรปักษ์เห็นว่าที่พิพาทยังมิได้มีพระราชบัญญัติเพิกถอนการเวนคืน ที่พิพาทจึงยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ จำเลยจึงมิอาจยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓๐๔ จำเลยจึงมิอาจยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๓๐๖ ได้ ที่จำเลยฎีกายกมาตรา ๕ และ ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติที่ราชพัสดุ มาโต้แย้งว่าที่พิพาทเป็นของกระทรวงการคลังโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่าแม้มาตรา ๕ และมาตรา ๑๑ ดังกล่าวจะบัญญัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทก็ตาม แต่ที่พิพาทคดีนี้ได้มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางแยกจากทางหลวงประชาธิปัตย์ ฯ พุทธศักราช ๒๔๘๕ มาตรา ๔ ให้เวนคืนที่พิพาทแก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ครอบครองดูแลที่พิพาทโดยตรงโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้
พิพากษายืน