แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวไว้โดยตรงว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามกฎหมายใบคืนเช็คเอกสารท้ายฟ้องซึ่งในเอกสารดังกล่าวมีวัน เดือน ปี ระบุไว้ให้เห็นเป็นการชัดเจนว่า ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อใด เอกสารท้ายฟ้องนั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องจึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวถึงวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันที่การกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองมีกำหนด 1 ปี ปรับ 10,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ลงโทษปรับจำเลย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 158(5) หรือไม่ เห็นว่า ถึงแม้ในคำบรรยายฟ้องของโจทก์จะมิได้กล่าวไว้โดยตรงว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามภาพถ่ายใบคืนเช็คเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ซึ่งในเอกสารดังกล่าวก็มี วัน เดือน ปี ระบุไว้ให้เห็นเป็นการชัดเจนว่า ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อใด เอกสารท้ายฟ้องนั้นเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวถึงวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันที่การกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้วเป็นการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
พิพากษายืน