คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3467/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวไว้โดยตรงว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามกฎหมายใบคืนเช็คเอกสารท้ายฟ้องซึ่งในเอกสารดังกล่าวมีวัน เดือน ปี ระบุไว้ให้เห็นเป็นการชัดเจนว่า ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อใด เอกสารท้ายฟ้องนั้นถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องจึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวถึงวันที่ที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันที่การกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว เป็นการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองมีกำหนด 1 ปี ปรับ 10,000 บาท

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่ลงโทษปรับจำเลย

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองที่เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 158(5) หรือไม่ เห็นว่า ถึงแม้ในคำบรรยายฟ้องของโจทก์จะมิได้กล่าวไว้โดยตรงว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันใด แต่ก็ได้กล่าวไว้แล้วว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามภาพถ่ายใบคืนเช็คเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ซึ่งในเอกสารดังกล่าวก็มี วัน เดือน ปี ระบุไว้ให้เห็นเป็นการชัดเจนว่า ปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อใด เอกสารท้ายฟ้องนั้นเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จึงถือว่าคำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวถึงวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันที่การกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้วเป็นการครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)

พิพากษายืน

Share