คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลยและนำรถยนต์ไปจอดไว้ที่ถนนหน้าโรงแรมตามที่พนักงานโรงแรมบอกให้จอด เพราะที่จอดรถยนต์ภายในโรงแรมเต็ม เมื่อรถยนต์ของโจทก์หายไป จำเลยในฐานะเจ้าสำนักโรงแรมต้องรับผิดต่อโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลย โดยจอดรถยนต์ไว้ที่หน้าโรงแรมตามที่พนักงานโรงแรมบอกให้จอด เนื่องจากที่จอดรถไม่เพียงพอ ต่อมารถยนต์ดังกล่าวหายไป ขอให้บังคับจำเลยที่ 1ในฐานะเจ้าของโรงแรม และจำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าสำนักโรงแรมร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 209,680 บาท และอีกวันละ 120 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์นำรถยนต์ไปจอดที่ถนนสาธารณะซึ่งมิได้อยู่ในความดูแลอารักขาของโรงแรมและมิได้บอกกล่าวฝากรถยนต์ไว้ จำเลยจึงไม่ต้องรับ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้เงิน 190,000 บาท แก่โจทก์ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าสำนักโรงแรมชัยเจริญ เกี่ยวกับสถานที่จอดรถยนต์ที่โจทก์นำไปจอดไว้นั้น โจทก์มีตัวโจทก์ นายถนอมศักดิ์วังศรี และเด็กหญิงพจนา แซ่คู มานำสืบว่า นายถนอมศักดิ์ได้ถามนายสมยศแล้ว นายสมยศว่าให้จอดริมถนนหน้าโรงแรมเพราะที่จอดรถโรงแรมเต็มหมด ซึ่งนายสมยศพยานจำเลยก็เบิกความรับว่าโจทก์มาถามที่จอดรถ นายสมยศบอกให้จอดที่ถนนหน้าโรงแรม เมื่อพิเคราะห์ถ่ายโรงแรมหมาย ล.2, ล.3 แล้วปรากฏว่าโรงแรมมีสภาพเป็นตึกแถว ที่โจทก์นำสืบว่าที่จอดรถภายในโรงแรมเต็มจึงรับฟังได้และข้อเท็จจริงฟังได้ต่อไปว่า โจทก์นำรถไปจอดไว้ที่ถนนหน้าโรงแรมตามที่นายสมยศพนักงานโรงแรมบอกให้จอด เมื่อรถของโจทก์หายไปจำเลยที่ 2 ในฐานะเจ้าสำนักโรงแรมจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 674 สำหรับจำนวนค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นค่าเสียหายที่สมควรแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุทธรณ์ ฎีกาจำเลยที่ 2ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share