คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3461/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567(4)หมายถึงบุคคลอื่นนอกจากผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรซึ่งได้แก่บิดา มารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตร จำเลยมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตรผู้เยาว์จำเลยจึงไม่เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองของบุตรผู้เยาว์ตามกฎหมายย่อมไม่มีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567(1)ถึง (4) การที่จำเลยกักบุตรผู้เยาว์ไว้จึงเป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจ และเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ผู้เป็นมารดาของผู้เยาว์ย่อมมีสิทธิเรียกบุตรผู้เยาว์คืนจากจำเลยได้ คำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องฎีกาซึ่งเป็นการเพิ่มประเด็นจากฎีกาเดิมจะต้องยื่นภายในกำหนดเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ อันเป็นกำหนดระยะเวลาการยื่นฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247หากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวนี้แล้วจะขอเพิ่มเติมคำฟ้องฎีกาไม่ได้ จำเลยยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องฎีกาเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการยื่นฎีกาแล้ว แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องฎีกาของจำเลยไว้ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งคืนเด็กชายสิรินแก่โจทก์และห้ามจำเลยขัดขวางการใช้อำนาจปกครองเด็กชายสิรินของโจทก์อีก
จำเลยให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและพิพากษาว่าเด็กชายสิรินเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย ให้นายทะเบียนรับจดทะเบียนให้จำเลยเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมาย และให้ถอนอำนาจปกครองของโจทก์ โดยให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชายสิรินต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การจำเลย ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ไม่รับฟ้องแย้งให้จำเลยแยกฟ้องเป็นคดีต่างหาก คืนค่าขึ้นศาลในส่วนฟ้องแย้งให้แก่จำเลย และมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้วพิพากษาให้จำเลยส่งคืนเด็กชายสิริน สงวนสิน แก่โจทก์ สำหรับคำขอที่ให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับเด็กชายสิรินให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่า การที่โจทก์เรียกบุตรผู้เยาว์คืนจากจำเลยนั้นจำเลยมิได้เป็นบุคคลอื่นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567(4) อันเป็นผลให้โจทก์มีสิทธิเรียกบุตรคืนจากจำเลยตามฟ้องได้ เห็นว่า บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567(4) หมายถึงบุคคลอื่นนอกจากผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรซึ่งได้แก่บิดามารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตร และเนื่องจากจำเลยกับโจทก์มิใช่สามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงมิใช่บิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของบุตรผู้เยาว์ มิได้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองของบุตรผู้เยาว์ตามกฎหมายไม่มีสิทธิตามมาตรา 1567(1) ถึง (4) จำเลยจึงเป็นบุคคลอื่นซึ่งกักบุตรผู้เยาว์ไว้โดยไม่มีอำนาจ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมีสิทธิเรียกบุตรผู้เยาว์คืนจากจำเลยได้
จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายด้วยการยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฎีกาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องแล้วความว่า เมื่อวันที่ 16ธันวาคม 2540 อันเป็นเวลาหลังจากครบกำหนดยื่นฎีกาแล้วจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยจดทะเบียนรับเด็กชายสิริน ผู้เยาว์ เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลย และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอแล้วเมื่อวันที่24 กุมภาพันธ์ 2541 และจำเลยได้จดทะเบียนรับรองบุตรแล้วเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2541 จำเลยจึงเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567(1) ถึง (4)ทุกประการ จึงไม่มีความจำเป็นต้องพิจารณาคดีของโจทก์อีกต่อไปขอให้ยกฟ้องนั้น เห็นว่า คำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องฎีกาซึ่งเป็นการเพิ่มประเด็นจากฎีกาเดิมอยู่ในบังคับแห่งบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ที่จะต้องยื่นภายในกำหนดเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว อันเป็นกำหนดระยะเวลาการยื่นฎีกา เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าวนี้แล้วจะขอเพิ่มเติมคำฟ้องฎีกาไม่ได้ คดีนี้ครบกำหนดระยะเวลาในการยื่นฎีกาวันที่ 10 ธันวาคม 2540 จำเลยยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องฎีกาวันที่ 9 มีนาคม 2541 จึงพ้นกำหนดระยะเวลาการยื่นฎีกาแล้ว แม้ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องขอเพิ่มเติมคำฟ้องฎีกาของจำเลยไว้ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน

Share