แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อ 2(ก) เป็นการฎีกาว่า การกระทำของ จำเลยทั้งสองเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ศาลควรลงโทษบทหนักกระทงเดียว และข้อ 2(ข) จำเลยทั้งสอง ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง เรียงกระทงความผิด ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 นั้น แม้เป็นข้อกฎหมาย แต่จำเลยทั้งสองไม่ได้ยกข้อกฎหมายดังกล่าว ขึ้นอ้างอิงในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มาก่อน จึงต้องห้ามมิให้ ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบ 195 ไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองฉบับลงวันที่6 ตุลาคม 2538 เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลสูงควรได้วินิจฉัยโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 47) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48,69,73,74,74 ทวิ,74 จัตวาพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 18 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2518 มาตรา 19,28 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2522 มาตรา 9 พระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2525 มาตรา 3,4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33, 91,83 พระราชบัญญัติแก้ไข เพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ลงโทษฐานทำไม้โดยมีเครื่องจักรกล จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานมีไม้ ยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครอง จำคุกคนละ 1 ปี ฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 1 ปี 12 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทา โทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 12 เดือน ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสอง มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง,73 วรรคหนึ่ง ฐานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 3 เดือน ฐานมีไม้ที่ยังมิได้แปรรูปไว้ในความครอบครอง จำคุกคนละ 6 เดือน และฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครอง จำคุกคนละ 3 เดือน รวมจำคุกคนละ 12 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุกคนละ 6 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 43) จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 44)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับ ฎีกาของจำเลยทั้งสองนั้นจำเลยทั้งสองอ้างเพียงว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองมีปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลสูงควรได้รับการวินิจฉัยรายละเอียดปรากฏตามฎีกาฉบับลงวันที่ 6 ตุลาคม 2538 เห็นว่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองมิได้โต้แย้ง หรือคัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นว่าคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมายประการใด หรือฎีกาดังกล่าวไม่ต้องห้ามตามกฎหมายอันควรที่จะ รับไว้พิจารณา ดังนั้นจึงไม่รับวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยทั้งสอง ให้ยกคำร้อง