แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องคดีและว่าความในศาลชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกา ครั้นโจทก์ฟ้องคดีและว่าความในศาลชั้นต้นไปบ้างแล้ว จำเลยขอถอนโจทก์จากการเป็นทนาย โจทก์แถลงไม่คัดค้าน ศาลฟังว่าการเลิกสัญญาเกิดจากการตกลงกัน คู่สัญญายังมีสิทธิที่จะได้คืนสู่ฐานะที่เป็นอยู่เดิมโดยวิธีการในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรค 2, 3, 4 โดยเฉพาะก็คือ วรรค 3 จำเลยต้องใช้เงินตามควรแก่ค่าแห่งการงานของโจทก์ และต้องคิดค่าจ้างตามรูปคดี หาใช่คิดแต่คำนวณค่าเสียหายที่เรียกร้องไม่
ตัวแทนจ้างโจทก์แทนตัวการ ตัวการต้องรับผิดต่อโจทก์แต่ผู้เดียว ตัวแทนหาต้องรับผิดด้วยไม่
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ ๒ ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ ๑ ได้จ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องคดีและว่าความ ๓ เรื่องจนถึงที่สุด แต่คดีเสร็จไปเรื่องเดียว คือ คดีดำที่ ๗/๒๕๐๒ ส่วนคดีดำที่ ๖๗/๒๕๐๑ สืบพยานจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายสืบก่อนได้ ๔-๕ ปาก จำเลยที่ ๒ ก็ขอถอนโจทก์จากการเป็นทนาย โจทก์แถลงไม่คัดค้าน และคดีดำที่ ๑๑/๒๕๐๒ ยังไม่ได้สืบพยาน โจทก์จึงขอถอนตัวเองจากการเป็นทนาย
คดีดำที่ ๖๗/๒๕๐๑ ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยได้ตกลงจ้างโจทก์ว่าความ ๓ ศาล ถึงศาลสูงสุดเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ควรเฉลี่ยศาลละ ๓,๐๐๐ บาท เมื่อโจทก์ได้ดำเนินคดีไปบ้างแล้ว และถูกถอนโดยไม่ปรากฏว่าเป็นความผิดของโจทก์ โจทก์ควรได้ค่าจ้างสำหรับศาลชั้นต้น จำเลยชำระให้โจทก์แล้ว ๑,๔๐๐ บาท โจทก์ควรได้ค่าจ้างอีก ๑,๖๐๐ บาท
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์ เฉพาะในข้อนี้ โจทก์อุทธรณ์ว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องแล้วว่าจำเลยที่ ๒ ขอถอนโจทก์จากการเป็นทนายโดยไม่บอกล่าวและไม่ได้รับความยินยอมเห็นชอบจากโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสึยหายและขาดประโยชน์อันควรได้จากสัญญาเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท จำเลยไม่เสียค่าสินไหมทดแทนให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๐๕ โจทก์จะต้องได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ตามฎีกาที่ ๑๗๒/๒๔๘๘ , ๙๓๒/๒๔๙๐
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การถอนตัวจากการเป็นทนาย คู่กรณีได้ตกลงเลิกสัญญาจ้างว่าความกันแล้ว เพราะการที่ไม่ทำหน้าที่ทนายต่อไป หมายถึงการไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างว่าความ โจทก์ได้ยินยอให้จำเลยที่ ๒ ถอนได้ และโจทก์เองก็ถอนตัวจากอีกที่หนึ่ง ฟังได้ว่าความจากการตกลงกันเมื่อเลิกสัญญาแล้ว ค
ู่สัญญายังมีสิทธิที่จะได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมโดยวิธีการในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรค ๒, ๓, ๔ โดยเฉพากก็คิอ ที่บัญญัติไว้ในวรรค ๓ หาใช่ว่าาสิทธิหน้าที่ของคู่สัญญาระงับไปจนไปถึงกับไม่ต้องปฏิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้นี้ไม่ คดีนี้ โจทก์ได้ฟ้องว่าความให้จำเลยบ้างแล้ว จำเลยต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานของโจทก์ การที่จะรู้ถึงค่าแห่งการงาน จำเป็นต้องพิเคราะห์ถึงข้อตกลงว่า การงานทั้งหมดที่ว่าจ้างกันเป็นมูลค่าอย่างไร จึงจะวินิจฉัยถึงค่าของส่วนที่ได้ทำไปบ้างแล้วได้ คดีฟังได้ว่าคดีดำที่ ๖๗/๒๕๐๑ ตกลงจ้างกัน ๑๐,๐๐๐ บาท โจทก์ทำงานให้จำเลยบางส่วน ต้องคิดว่าจ้างตามรูปคดี หาใช่คิดแต่จำนวนค่าเสียหายที่เรียกร้องไม่ ที่ศาลชั้นต้นคำนวณค่าแห่งการงานของโจทก์เป็นจำนวน ๓,๐๐๐ บาท นั้น ศาลฎีกาเห็นท้องที่ ฯลฯ
จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ที่โจทก์แทนจำเลยที่ ๑ ซึ่งจำเลยที่ ๑ ก็รับแล้วว่าจำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนจ้างโจทก์จริง จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดชำระเงินรายนี้แต่ผู้เดียว จำเลยที่ ๒ หาต้องรับผิดชำระไม่