แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยมีอาการผิดปกติทางจิต หรือมีจิตบกพร่องหวาดระแวงว่าโจทก์ร่วมเป็นคนร้ายที่จะมาฆ่าจำเลยจึงได้ใช้มีดแทงโจทก์ร่วมไปและจากคำเบิกความของนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชเบิกความยืนยันว่า ลักษณะอาการประสาทของจำเลยตามหลักวิชาการจำเลยยังสามารถรับผิดชอบอยู่ ภรรยาของจำเลยก็เบิกความว่าปกติจำเลยสามารถทำงานได้ แต่เวลามีอาการจำเลยจะมีลักษณะกลัวคนจำเลยนั่งซึมนานประมาณ 10 วันจึงเกิดเหตุหลังเกิดเหตุแล้วจำเลยไม่ได้หลบหนีคงนั่งซึมจนถูกจับตัวส่งตำรวจ ดังนี้พฤติการณ์ของจำเลยก่อนและหลังการกระทำผิดดังกล่าว ไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดเพราะไม่สามารถบังคับตนเองได้ ถือว่าจำเลยกระทำผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายวิทูลหรือวิฑูรย์ นาคสระน้อย ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ในขณะที่จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วมที่ท้องจำเลยไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่องจึงไม่ต้องรับโทษ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า จำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างพิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 80, 65 วรรคสอง จำคุกจำเลย 1 ปี ริบของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่าจำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วมโดยเจตนาฆ่า แต่โจทก์ร่วมได้รับการรักษาจากแพทย์ทันท่วงทีจึงไม่ถึงแก่ความตาย ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีเพียงว่าจำเลยกระทำผิดในขณะที่ไม่รู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะจิตบกพร่องหรือไม่…พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำเบิกความของนายแพทย์พันธ์ศักดิ์วราอัศปติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาพยานจำเลยประกอบสำเนาประวัติการตรวจรักษาของจำเลยตามเอกสารในสำนวนศาลลำดับที่ 37 และรายการบำบัดรักษาของจำเลยที่ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลชุมพวงตามเอกสารในสำนวนศาลลำดับที่ 40 แผ่นที่ 3ถึงที่ 7 ได้ความว่าจำเลยมีอาการป่วยทางจิต เป็นโรควิตกกังวลต้องเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาตั้งแต่พ.ศ. 2529 จนถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2531 จึงเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลชุมพวงซึ่งอยู่ใกล้บ้านจำเลยเรื่อยมา จำเลยใช้มีดแทงโจทก์ร่วมโดยไม่มีสาเหตุเมื่อเกิดเหตุแล้วจำเลยไม่หลบหนีคงนั่งซึมอยู่ที่บ้านจนผู้ใหญ่บ้านมานำตัวไปส่งเจ้าพนักงานตำรวจ ชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่า เกิดประสาทหลอนคิดว่าจะมีคนมาฆ่า จึงหยิบมีดขึ้นมาถือหลังจากนั้นมีดจะไปแทงถูกโจทก์ร่วมอย่างไรจำเลยไม่ทราบพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีอาการผิดปกติทางจิตหรือมีจิตบกพร่องหวาดระแวงว่าโจทก์ร่วมเป็นคนร้ายที่จะมาฆ่าจำเลยจึงได้ใช้มีดแทงโจทก์ร่วมไปดังกล่าว แต่ตามคำเบิกความของนายแพทย์พันธ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาพยานจำเลยได้ยืนยันด้วยว่าลักษณะอาการประสาทของจำเลยนั้นตามหลักวิชาการจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่และตามคำเบิกความของนางดอกไม้ภริยาจำเลยก็ได้ความว่า ตามปกติจำเลยสามารถทำการงานได้ แต่เวลาจำเลยมีอาการจำเลยจะมีลักษณะกลัวคน จำเลยมีอาการนั่งตาซึมมานานประมาณ 10 วัน จึงเกิดเหตุ หลังเกิดเหตุจำเลยไม่ได้หลบหนีคงนั่งซึมอยู่ในบ้านจนผู้ใหญ่บ้านมานำตัวไปส่งเจ้าพนักงานตำรวจ ในชั้นสอบสวนจำเลยสามารถให้การได้ว่าเกิดจากประสาทหลอนคิดว่าจะมีคนมาฆ่าจำเลยจึงได้หยิบมีดขึ้นมาถือ หลังจากนั้นมีดจะไปแทงถูกโจทก์ร่วมอย่างไรจำเลยไม่ทราบ พฤติการณ์ของจำเลยก่อนและหลังจากการกระทำผิดดังกล่าวย่อมนำมาเป็นข้อมูลประกอบการวินิจฉัยให้เห็นได้ว่า สภาวะจิตใจของจำเลยในขณะกระทำผิดนั้นยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง หาใช่กระทำไปโดยไม่รู้สาเหตุและไม่รู้ตัวว่ากระทำการอะไรทั้งหมด นอกจากนี้ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีอาการคลุ้มคลั่งควบคุมตนเองไม่ได้ ข้อเท็จจริงจึงไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดเพราะไม่สามารถบังคับตนเองได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.