คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3460/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุโจทก์ร่วมไม่ได้เป็นภรรยาน้อยของจำเลยเพราะต่างสมัครใจเลิกร้างขาดจากการอยู่กินฉันสามีภรรยากันแล้ว การที่จำเลยถืออาวุธปืนเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมพูดในลักษณะ ขู่เข็ญว่าจำเลยจะกลับมาอยู่กินกับโจทก์ร่วมให้ได้ใช้มือจิกผมโจทก์ร่วมไม่ได้อนุญาตให้จำเลยเข้าไปจึงเป็นการ เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควรเป็นความผิดฐานบุกรุก และการที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ร่วมออกไปจากห้องนอนรวมระยะเวลาประมาณ4 ชั่วโมง เพื่อบังคับให้โจทก์ร่วมยอมให้จำเลยอยู่กินกับโจทก์ร่วมดังเดิม จนกระทั่งมีคนมาเกลี้ยกล่อม จำเลยจึงยอมปล่อยให้โจทก์ร่วมออกมาจากห้องนอนการกระทำของจำเลย เป็นการพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ๆ และหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น ซึ่งการกระทำของจำเลยดังกล่าวมานี้ เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364, 365, 288, 80, 309, 310, 376, 91 พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯ เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8, 72 ทวิริบของกลาง และนับโทษจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีอื่น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 จำคุก 4 ปี ตามมาตรา 265 (ที่ถูก 365) จำคุก 2 ปีตามมาตรา 376 จำคุก 10 วัน และมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคท้าย จำคุก 1 ปีรวมจำคุกจำเลย 7 ปี 10 วัน ให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง ริบของกลาง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2), 309 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 80, 310 วรรคแรก และ 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคแรก, 72 ทวิ วรรคสองความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2), 309 วรรคสองประกอบด้วยมาตรา 80 และ 310 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 365(2) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปีตามมาตรา 376 จำคุก 10 วัน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืนปรับ 1,000 บาท รวมเป็นโทษจำคุก 2 ปี 10 วัน และปรับ 1,000 บาทจำเลยไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30คืนอาวุธปืนของกลางแก่จำเลย ยกฟ้องในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376 และความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยแต่เพียงว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2), 309 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80, 310 วรรคแรก ซึ่งเป็นกรรมเดียวตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ได้วินิจฉัยไว้หรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติว่า ในวันเกิดเหตุจำเลยมีอาวุธปืนพกติดตัวอยู่กับโจทก์ร่วมในห้องนอนของโจทก์ร่วมสองต่อสองโดยไม่ยอมให้โจทก์ร่วมออกไปจากห้องนอนเป็นระยะเวลาติดต่อกันประมาณ 4 ชั่วโมงจริง และศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าเมื่อต้นปี 2529 โจทก์ร่วมได้อยู่กินกับจำเลยในฐานะภรรยาน้อยของจำเลย ต่อมาเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2530 โจทก์ร่วมและจำเลยได้ทำบันทึกกันไว้ว่าต่างฝ่ายต่างสมัครใจเลิกร้างขาดจากการอยู่กินฉันสามีภรรยากันนับตั้งแต่วันทำบันทึกเป็นต้นไป ขณะเกิดเหตุโจทก์ร่วมไม่ได้เป็นภรรยาน้อยของจำเลย ดังนั้นการที่จำเลยถืออาวุธปืนเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมพูดในลักษณะขู่เข็ญว่าจำเลยจะกลับมาอยู่กินกับโจทก์ร่วมให้ได้ใช้มือจิกผมโจทก์ร่วมโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้อนุญาตให้จำเลยเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วม จึงเป็นการเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยย่อมมีความผิดฐานบุกรุกบทหนึ่งตามฟ้องและการที่จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ร่วมออกไปจากห้องนอนรวมระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเพื่อบังคับให้โจทก์ร่วมยอมให้จำเลยอยู่กินกับโจทก์ร่วมดังเดิม จนกระทั่งมีคนมาเกลี้ยกล่อม จำเลยจึงยอมปล่อยให้โจทก์ร่วมออกมาจากห้องนอน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ๆ และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น ซึ่งการกระทำของจำเลยดังกล่าวมานี้เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share