คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยอาศัยอยู่ในที่ซึ่งโจทก์เช่ามาจากวัด บัดนี้โจทก์จะต้องปลูกสร้างตึกลงในที่นี้ตามสัญญาซึ่งทำไว้กับวัด จำเลยขัดขืนไม่ยอมออก จึงขอให้ขับไล่และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
จำเลยต่อสู้ว่า มิได้อาศัย หากแต่เช่าจากโจทก์และตัดฟ้องว่าโจทก์มิใช่เจ้าของที่ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยกับให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของจำเลยไปจากที่ดินที่โจทก์เช่า ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาว่า เดิมศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนแล้ว ต่อมากลับสั่งให้จำเลยนำสืบก่อน ไม่ชอบนั้น ได้ความว่า ในวันนี้สองสถาน ศาลสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนแต่ก่อนถึงวันนัดโจทก์ยื่นคำร้องขอให้นัดคู่ความมาเพื่อกำหนด ให้เป็นหน้าที่จำเลยนำสืบ จำเลยยื่นคำแถลงคัดค้านว่าคำขอของโจทก์ผิดกฎหมาย และศาลสั่งให้โจทก์สืบก่อนชอบแล้ว ศาลมีคำสั่งว่าประเด็นตกหน้าที่จำเลยนำสืบก่อน จึงกำหนดหน้าที่นำสืบใหม่ ให้จำเลยเป็นฝ่ายสืบก่อน คำสั่งนี้จำเลยมิได้โต้แย้ง ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่าจำเลยอุทธรณ์มิได้ตามมาตรา ๒๒๖ แห่ง ป.ม.วิ.แพ่ง
การที่ศาลสั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบเช่นนี้ ศาลย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้ เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว จำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๒๒๖
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ฟ้องขับไล่ไม่ได้นั้น ได้ความว่าโจทก์เป็นผู้เช่าจากเจ้าของที่และครอบครองอยู่ก่อนย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่ได้ ฯลฯ
จึงพิพากษายืน

Share