แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หญิงมีสามีก่อหนี้ขึ้นโดยลำพัง แต่ภายหลังได้ทำหนังสือรับสารภาพหนี้สินนั้นขึ้น โดยสามีรับรู้ ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยานไว้ในเอกสารรับสารภาพหนี้นั้น ย่อมถือว่าสามีรับรองหรือให้สัตยาบันโดบปริยาย สามีจึงต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามสัญญายืมเงิน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระหนี้ตามโจทก์ฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ยืมเงินของโจทก์ไปจริงตามฟ้อง แม้ในชั้นต้นจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นสามีจะได้ร่วมรู้หรือไม่ ตามพยานหลักฐานไม่พอที่จะรับฟังได้อย่างชัดแจ้ง แต่ในการทำสัญญารับสภาพหนี้ จำเลยที่ ๒ ได้รับรู้และลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยานไว้ในเอกสารด้วย จึงเท่ากับจำเลยที่ ๒ รับรองหรรือให้สัตยาบันโดยปริยาย จำเลยที่ ๒ จึงต้องรับผิดด้วย
แต่ปรากฎว่า จำเลยได้ผ่อนใช้หนี้ไปบ้างแล้วจึงต้องหักเงินที่ใช้แล้วให้จำเลย จึงพิพากษาแก้ให้หักเงินจำนวนงเงินที่ต้องชำระแก่โจทก์ นอกนี้คงพิพากษายืน