คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 345/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้ตกลงให้ฝ่ายจำเลยและผู้ร้องสอดปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินของโจทก์เป็นเวลา 30 ปี โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่ฝ่ายจำเลยและผู้ร้องสอดได้ปลูกบ้านให้โจทก์อยู่อาศัยหนึ่งหลัง ดังนี้ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยก่อนครบกำหนดตามสัญญาไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดที่ 17097 ตำบลห้วยขวาง อำเภอพญาไทกรุงเทพมหานคร จากพันตรีเกลื่อน ศรประทุม สามีจำเลย หลังซื้อแล้วโจทก์ให้พันตรีเกลื่อน ศรประทุม สร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าว คือบ้านเลขที่ 55/6 ข.ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ซอยอุดมเกียรติ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานครโดยไม่มีกำหนดเวลา ต่อมาพันตรีเกลื่อน ศรประทุม ถึงแก่กรรมโจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์หลายครั้งแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย จึงฟ้องให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 55/6 ข. พร้อมทั้งทรัพย์สินบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยขัดขืน ให้โจทก์มีสิทธิรื้อถอนได้ โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

จำเลยให้การ และผู้ร้องสอดร้องว่า พันตรีเกลื่อน ศรประทุม ไม่เคยขายที่ดินให้โจทก์ ความจริงที่ดินเป็นของโจทก์ เมื่อ พ.ศ. 2510 โจทก์กับผู้ร้องสอดซึ่งเป็นบุตรพันตรีเกลื่อน ศรประทุม และจำเลย ได้ตกลงกันว่า ที่ดินของโจทก์เป็นที่ว่าง โจทก์ต้องการปลูกบ้านแต่ไม่มีเงิน จึงให้ผู้ร้องสอดปลูกบ้านให้ 1 หลัง และให้ผู้ร้องสอดมีสิทธิปลูกบ้านอยู่อาศัยร่วมกับบิดามารดาญาติพี่น้องของผู้ร้องสอดในที่ดินของโจทก์ได้ 1 หลัง มีกำหนด 30 ปี ถ้าโจทก์หาเงินค่าปลูกบ้านชำระแก่นายประมวลผู้ร้องสอดแล้ว หากโจทก์ไม่ประสงค์จะให้ผู้ร้องสอดอยู่อาศัย ก็ให้นายประมวลผู้ร้องสอดออกจากที่ดินโจทก์ ต่อมาโจทก์ว่าต้องการแบ่งโฉนดที่ดินเลขที่ 17097นี้ให้เป็นสัดส่วนที่ได้ปลูกบ้านกันไว้ โดยโจทก์จะดำเนินการเอง โจทก์จึงขอให้พันตรีเกลื่อน ศรประทุม ลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มซื้อขายโดยยังมิได้กรอกข้อความใด ๆ แต่โดยทุจริต โจทก์กลับไปทำโอนกรรมสิทธิ์ซื้อขายทั้งแปลง เมื่อโจทก์ยังไม่ได้ชำระเงินค่าปลูกบ้านจำนวน 60,000 บาท ให้แก่ผู้ร้องสอด ผู้ร้องสอดก็ยังมีสิทธิปลูกบ้านอยู่บนที่ดินโจทก์จนกว่าจะครบ 30 ปี นับแต่ปี 2510 จำเลยอาศัยสิทธิของผู้ร้องสอด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและผู้ร้องสอดรื้อถอนบ้านเลขที่ 55/6 ข.ซอยอุดมเกียรติ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานครพร้อมทั้งนำทรัพย์และบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์มีสิทธิรื้อถอนได้ โดยจำเลยและผู้ร้องสอดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย

จำเลยและผู้ร้องสอดอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงในคดีฟังได้ว่า โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตกลงกับพันตรีเกลื่อน ศรประทุม สามีจำเลย บิดาผู้ร้องสอดและผู้ร้องสอดว่า โจทก์ไม่มีเงินปลูกบ้าน ให้ผู้ร้องสอดปลูกบ้านให้โจทก์อยู่อาศัยในที่ดินโจทก์1 หลัง โจทก์ยอมให้ผู้ร้องสอดปลูกบ้านให้บิดามารดาและญาติพี่น้องอาศัยอยู่บนที่ดินโจทก์ได้ 1 หลัง เป็นเวลา 30 ปี โดยไม่คิดค่าตอบแทน หากโจทก์ให้ปลูกบ้านอยู่ไม่ครบ 30 ปี โจทก์จะคืนค่าสร้างบ้านที่ผู้ร้องสอดสร้างให้โจทก์อยู่ให้ พันตรีเกลื่อนศรประทุมและผู้ร้องสอดตกลงตามที่โจทก์เสนอ ผู้ร้องสอดได้ปลูกบ้านและโอนบ้านให้โจทก์ 1 หลัง ส่วนผู้ร้องสอดได้ปลูกบ้านเลขที่ 55/6 ข. ลงในที่ดินโจทก์ดังตกลงกัน ดังนี้ การที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตกลงให้ฝ่ายจำเลยและผู้ร้องสอดปลูกบ้านอยู่อาศัยในที่ดินโจทก์เป็นเวลา 30 ปี โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จำเลยและผู้ร้องสอดได้ปลูกบ้านให้โจทก์อยู่อาศัย 1 หลัง ข้อตกลงดังกล่าวนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทน โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยก่อนครบกำหนดตามสัญญาที่ตกลงกันไม่ได้

พิพากษายืน

Share