คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นหนี้เงินกู้โจทก์ โดยมี จ.นำที่ดิน 2 แปลงจำนองเป็นประกัน ที่ดินที่จำนองไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของจำเลยในทางจำนอง โจทก์จึงไม่เป็นเจ้าหนี้มีประกันตาม พระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 6

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้เงินยืมโจทก์ตามคำพิพากษาถึงที่สุดจำนวน 1,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระหนี้และเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยไว้เด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย
จำเลยให้การว่า จำเลยมีรายได้ประจำพอชำระหนี้โจทก์ได้มูลหนี้ตามคำพิพากษาที่โจทก์นำมาฟ้อง จำเลยได้นำที่ดินโฉนดเลขที่49833 และ 49839 เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ของนางจินตนาสหัสทัศน์ จำนองเป็นประกัน ราคาที่ดินเพียงพอชำระหนี้โจทก์ได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยข้อแรกว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้มีประกันหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่าหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นหนี้เงินกู้ที่มีที่ดิน 2 แปลง ของนางจินตนา เป็นประกัน โจทก์ย่อมเป็นเจ้าหนี้มีประกัน จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 10 ก่อน จึงจะฟ้องคดีล้มละลายได้นั้น เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยฎีกาว่าหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้มีที่ดินของนางจินตนาเป็นประกันโจทก์ก็หาใช่เจ้าหนี้มีประกันตามความหมายดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 6 ไม่ เพราะที่ดินที่จำนองไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของจำเลยในทางจำนอง โจทก์จึงฟ้องคดีล้มละลายได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9 ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นและวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยยังไม่สมควรเป็นบุคคลล้มละลาย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share