แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ล้มละลายด้วยหนี้เงินกู้ยืมซึ่งมีบุคคลอื่นจำนองที่ดินเป็นประกัน โจทก์ย่อมไม่ใช่เจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 6 เพราะที่ดินที่จำนองไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของจำเลยในทางจำนอง จึงสามารถฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้ตามมาตรา 9 โดยมิต้องปฏิบัติตาม มาตรา 10
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยไว้เด็ดขาดและพิพากษาให้จำเลยล้มละลาย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยข้อแรกว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้มีประกันหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่าหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นหนี้เงินกู้ที่มีที่ดิน 2 แปลง ของนางจินตนาเป็นประกัน โจทก์ย่อมเป็นเจ้าหนี้มีประกัน จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 10 ก่อน จึงจะฟ้องคดีล้มละลายได้นั้น เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยฎีกาว่าหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องคดีนี้มีที่ดินของนางจินตนาเป็นประกันโจทก์ก็หาใช่เจ้าหนี้มีประกันตามความหมายดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 6 ไม่ เพราะที่ดินที่จำนองไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ไม่ใช่ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของจำเลยในทางจำนอง โจทก์จึงฟ้องคดีล้มละลายได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9 ฎีกา จำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาจะต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า จำเลยเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยยังไม่สมควรเป็นบุคคลล้มละลายที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์