คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6-7/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์สั่งให้งดการไถ่ถอนทรัพย์จำนองไว้ในระหว่างอุทธรณ์ก็เพื่อจะได้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับผิดชำระหนี้แก่โจทก์เพิ่มขึ้นตามคำฟ้องอุทธรณ์ เพราะหากปล่อยให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไถ่ถอนทรัพย์จำนองตามจำนวนหนี้ในคำพิพากษาศาลชั้นต้นไปเสียก่อนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดี ถ้าต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชั้นอุทธรณ์เต็มตามฟ้องอุทธรณ์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 จะต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์เพิ่มขึ้นโจทก์ย่อมเสียประโยชน์ ขาดทรัพย์จำนองเป็นประกันการชำระหนี้แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะเสนอวางเงินหรือหลักประกันต่อศาลเป็นประกันการชำระหนี้แก่โจทก์เพิ่มขึ้นให้เต็มตามฟ้อง แต่สิทธิของผู้รับจำนองนั้นมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้สามัญ จึงเป็นสิทธิที่ให้ความคุ้มครองตามกฎหมายแก่โจทก์ได้ดีกว่าการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2ขอวางเงินหรือหลักประกันต่อศาลเป็นประกันการชำระหนี้แก่โจทก์ที่จะได้รับตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การยกเลิกคำสั่งคุ้มครองประโยชน์และรับเงินหรือหลักประกันของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไว้เป็นประกัน อาจจะก่อความเสียหายแก่โจทก์ได้

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2ให้ชำระเงินกู้รวม 47,104,564 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19ต่อปี ศาลชั้นต้นรวมการพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์รวมสองสำนวนเป็นเงิน 25,766,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน 400,000 บาทนับแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2528 และของต้นเงิน 25,266,000 บาทนับแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2528 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 25927 แขวงบางบำหรุ เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร และอาคารชุด รวม 76 ห้องชุด ในที่ดินโฉนดเลขที่25914 แขวงบางบำหรุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ในแต่ละสำนวนหากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เอาชำระหนี้โจทก์จนครบ คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก กับยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1ในสำนวนหลัง
โจทก์อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ โดยอ้างเหตุผลว่า หากให้จำเลยที่ 1ไถ่ถอนทรัพย์จำนองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อโจทก์ชนะคดี(ชั้นอุทธรณ์เต็มตามฟ้อง) โจทก์จะไม่ได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 1เพราะไม่มีหลักทรัพย์เป็นประกันและไม่มีบุริมสิทธิจำนอง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำร้องของโจทก์มิใช่กรณีขอทุเลาการบังคับ แต่พอแปลได้ว่าเป็นการขอคุ้มครองประโยชน์ก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา จึงมีคำสั่งให้งดการไถ่ถอนทรัพย์จำนองไว้ระหว่างอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขอไถ่ถอนทรัพย์จำนองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมกับเสนอขอวางเงินหรือหลักประกันเพิ่มขึ้นให้เท่ากับจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้องหรือตามที่ศาลอุทธรณ์จะเห็นสมควรกำหนด
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำร้องของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ยกเลิกคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 คืนค่าขึ้นศาลให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกาศาลฎีกาสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า มีเหตุผลเพียงพอที่จะยกเลิกคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างอุทธรณ์ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ที่ 2 หรือไม่ เห็นว่าศาลอุทธรณ์สั่งให้งดการไถ่ถอนทรัพย์จำนองไว้ในระหว่างอุทธรณ์ก็เพื่อจะได้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 รับผิดชำระหนี้แก่โจทก์เพิ่มขึ้นตามคำฟ้องอุทธรณ์ ซึ่งหากปล่อยให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไถ่ถอนทรัพย์จำนองตามจำนวนหนี้ในคำพิพากษาศาลชั้นต้นไปเสียก่อนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดี ถ้าต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชั้นอุทธรณ์เต็มตามฟ้อง อุทธรณ์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 จะต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์เพิ่มขึ้นโจทก์ย่อมจะเสียประโยชน์ ขาดทรัพย์จำนองเป็นประกันการชำระหนี้แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะเสนอวางเงินหรือหลักประกันต่อศาลเป็นประกันการชำระหนี้แก่โจทก์เพิ่มขึ้นให้เต็มตามฟ้อง แต่สิทธิของผู้รับจำนองนั้นมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้สามัญ จึงเป็นสิทธิที่ให้ความคุ้มครองตามกฎหมายแก่โจทก์ได้ดีกว่าการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2ขอวางเงินหรือหลักประกันต่อศาลเป็นประกันการชำระหนี้แก่โจทก์ที่จะได้รับตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การยกเลิกคำสั่งคุ้มครองประโยชน์และรับเงินหรือหลักประกันของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไว้เป็นประกัน อาจก่อนความเสียหายแก่โจทก์ได้ ดังนั้น ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ศาลอุทธรณ์สั่งยกเลิกคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ดังกล่าวนั้นเสียได้
พิพากษายืน

Share