แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการบังกะโลให้เช่า จำเลยไม่จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย งบกำไรขาดทุน ไม่แบ่งปันผลกำไรให้โจทก์ ถือได้ว่าเป็นการประพฤติผิดสัญญาหุ้นส่วนในสาระสำคัญ เป็นเหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1057 (1), 1061 และ 1062 การที่โจทก์ฟ้องเรียกเอาส่วนแบ่งผลกำไรหรือขอบังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินอันมีลักษณะคืนทุนโดยที่ยังมิได้ชำระบัญชีหรือตกลงให้จัดการทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนด้วยวิธีอื่นระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย แม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้และไม่มีฝ่ายใดฎีกาในปัญหานี้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยตกลงเข้าหุ้นส่วนประกอบกิจการบังกะโลให้บริการเช่าที่พักแก่นักท่องเที่ยวโดยตกลงแบ่งผลกำไรคนละครึ่ง นับแต่เปิดดำเนินกิจการจนถึงวันที่โจทก์มีหนังสือบอกเลิกห้างหุ้นส่วนไปยังจำเลยเป็นเวลา 9 ปี 5 เดือน มีผลกำไรจากการประกอบกิจการรวมเป็นเงิน 4,520,000 บาท แต่จำเลยไม่นำผลกำไรมาแบ่งปันให้โจทก์ และไม่จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย งบกำไร งบขาดดุล แจ้งให้โจทก์ทราบ อันเป็นการประพฤติผิดสัญญาหุ้นส่วนในข้อสาระสำคัญ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้โจทก์และจำเลยเลิกการเป็นหุ้นส่วน ให้จำเลยชำระผลกำไรให้โจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเงิน 2,260,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้มีคำพิพากษาเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญในการประกอบกิจการบังกะโลชื่อโลตัสระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีของห้าง ให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารส่วนของจำเลยออกไปจากที่ดินทั้งสองแปลง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนสามัญในการประกอบกิจการโลตัสบังกะโลระหว่างโจทก์จำเลยเลิกกัน ให้จัดการชำระบัญชี ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,864,500 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 21 มิถุนายน 2539) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 480,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า โจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนประกอบกิจการบังกะโลให้เช่า จำเลยผิดสัญญาหุ้นส่วนโดยไม่จัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย งบกำไรขาดทุน ไม่แบ่งปันผลกำไรให้แก่โจทก์ ถือได้ว่าเป็นการประพฤติผิดสัญญาหุ้นส่วนในสาระสำคัญ เป็นเหตุที่จะเลิกห้างหุ้นส่วนและชำระบัญชีได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1057 (1) มาตรา 1061 และมาตรา 1062 การที่โจทก์ฟ้องเรียกเอาส่วนแบ่งผลกำไรหรือขอบังคับจำเลยขนย้ายทรัพย์สินอันมีลักษณะคืนทุนโดยที่ยังมิได้ชำระบัญชีหรือตกลงให้จัดการทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนด้วยวิธีอื่นระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว ในส่วนนี้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาข้อนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยแม้จำเลยมิได้ให้การต่อสู้และไม่มีฝ่ายใดฎีกาในปัญหาข้อนี้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบด้วยมาตรา 246 และมาตรา 247
พิพากษาแก้เป็นว่า คำขออื่นตามฟ้องนอกเหนือจากให้เลิกห้างหุ้นส่วนและขอให้ชำระบัญชีให้ยกเสียทั้งสิ้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.