แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์บรรยายในชั้นต้นว่าจำเลยบังอาจทำหนังสือมอบอำนาจขายที่ดินปลอมแล้วตอนท้ายบรรยายว่า ดังปรากฏตามสำเนาเอกสารปลอมท้ายฟ้องซึ่งจำเลยเป็นผู้ทำปลอมเอง หรือผู้อื่นทำปลอมขึ้นดังนี้ เมื่อหนังสือปลอมอยู่ในความครอบครองของจำเลยจำเลยย่อมรู้ดีว่าจำเลยเองหรือผู้ใดเป็นผู้ปลอมขึ้น.และจำเลยได้ใช้หนังสือปลอมนั้น
จำเลยย่อมรู้ที่มาของหนังสือปลอมได้ดี ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในทางอรรถคดี จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 304, 306, 118, 226, 227, 222, 224 จำคุก 3 ปี ลด 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลสั่งรับเฉพาะข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ตามฟ้องโจทก์บรรยายว่า “ฯลฯ จำเลยบังอาจทำหนังสือมอบอำนาจขายที่ดิน ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2494 ฉบับหนึ่งซึ่งเป็นหนังสือสำคัญปลอม โดยปลอมลายมือชื่อนายโต๊ะ เอื้อเฟื้อ เป็นผู้มอบอำนาจ และมีความว่านายโต๊ะ เอื้อเฟื้อมอบให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจจัดการขายที่ดินแปลงข้างบน คือโฉนดหมายเลขที่ 4270 ตำบลบางแค อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี อันเป็นที่ดินของนายโต๊ะเอื้อเฟื้อให้แก่จำเลย ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจเอง ดังปรากฏตามสำเนาเอกสารปลอมท้ายฟ้อง ซึ่งจำเลยเป็นผู้ทำปลอมเองหรือผู้อื่นทำปลอมขึ้นฯลฯ” ดังนี้เห็นว่า หนังสือปลอมอยู่ในความครอบครองของจำเลย ๆ ย่อมรู้ดีว่า จำเลยเองหรือผู้ให้ปลอมขึ้น และจำเลยได้ใช้หนังสือปลอมนั้น จำเลยย่อมรู้ที่มาของหนังสือปลอมได้ดี ไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในทางอรรถคดีแต่ประการใด ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จึงพิพากษายืน