คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3428/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/27 และมาตรา 90/60 วรรคสอง การที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนมีผลเฉพาะตัวลูกหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการเท่านั้นที่หลุดพ้นจากหนี้ซึ่งมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน แล้วมาผูกพันตามหนี้ที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนจำเลยในคดีนี้ซึ่งต้องร่วมรับผิดกับลูกหนี้ในฐานะผู้ค้ำประกันนั้น จะต้องรับผิดอีกหรือไม่ อย่างไรเป็นไปตามกฎหมายต่างๆ ที่ว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง
ในคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ในแผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดให้มีการชำระหนี้แก่โจทก์โดยการออกหุ้นเพื่อชำระหนี้เช่นนี้ ในส่วนของผู้ค้ำประกันนั้นจะหลุดพ้นความรับผิดก็แต่เฉพาะเท่ากับมูลค่าตลาดที่แท้จริงของหุ้นที่โจทก์ได้รับชำระหนี้มาส่วนที่เหลือจากราคาดังกล่าวโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายเบื้องต้นว่ามูลหนี้ตามฟ้องได้ระงับไปตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทเซ้าท์เทอร์นมาร์เก็ตติ้ง จำกัดแล้วหรือไม่ ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า รวมไว้วินิจฉัยในคำพิพากษา
ศาลล้มละลายกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์หรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 90/60 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า แผนซึ่งศาลมีคำสั่งเห็นชอบแล้ว ผูกมัดเจ้าหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการได้ และเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการทั้งนี้ ตามมาตรา 90/27 และมาตรา 90/60 วรรคสอง บัญญัติว่า คำสั่งของศาลซึ่งเห็นชอบด้วยแผนไม่มีผลเปลี่ยนแปลงความรับผิดของบุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนกับลูกหนี้หรือผู้รับผิดร่วมกับลูกหนี้ หรือผู้ค้ำประกัน หรืออยู่ในลักษณะอย่างผู้ค้ำประกันของลูกหนี้ในหนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน และไม่มีผลให้บุคคลเช่นว่านั้นต้องรับผิดในหนี้ที่ก่อขึ้นตามแผนตั้งแต่วันดังกล่าว เว้นแต่บุคคลเช่นว่านั้นจะยินยอมโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วยนั้น เห็นว่า ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนมีผลเฉพาะตัวบริษัทเซ้าท์เทอร์นมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีฟื้นฟูกิจการเท่านั้นที่หลุดพ้นจากหนี้ซึ่งมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้วมาผูกพันตามหนี้ที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนจำเลยคดีนี้ซึ่งต้องร่วมรับผิดกับบริษัทเซ้าท์เทอร์นมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในฐานะผู้ค้ำประกันนั้น จะต้องรับผิดอีกหรือไม่ อย่างไรเป็นไปตามกฎหมายต่างๆ ที่ว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง ในคดีฟื้นฟูกิจการของบริษัทเซ้าท์เทอร์นมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในแผนฟื้นฟูกิจการได้กำหนดให้มีการชำระหนี้แก่โจทก์โดยการออกหุ้นเพื่อชำระหนี้เช่นนี้ ในส่วนของผู้ค้ำประกันนั้นจะหลุดพ้นความรับผิดก็แต่เฉพาะเท่ากับมูลค่าตลาดที่แท้จริงของหุ้นที่โจทก์ได้รับชำระหนี้มาส่วนที่เหลือจากราคาดังกล่าวโจทก์ก็ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ได้ กรณีจึงต้องพิจารณาว่าหุ้นที่โจทก์ได้รับชำระหนี้นั้นมีราคาเพียงใด เมื่อปรากฏว่าบริษัทเซ้าท์เทอร์นมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อันจะทำให้ทราบมูลค่าราคาซื้อขายหุ้นในตลาดได้ และคู่ความมิได้นำสืบให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงต้องพิเคราะห์มูลค่าของหุ้นจากราคาหุ้นทั้งหมดเทียบกับสินทรัพย์ที่ลูกหนี้มีอยู่ประกอบกับพฤติการณ์อื่นในคดีซึ่งปรากฏตามแผนฟื้นฟูกิจการว่าลูกหนี้มีหุ้นเดิมจำนวน 4,000 หุ้น ตามงบดุล ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2546 ลูกหนี้มีหนี้สินจำนวน 224,162,956.58 บาท มีสินทรัพย์ 105,213,940.30 บาท ปรากฏว่าตามแผนหากมีการเลิกกิจการของลูกหนี้ และมีการนำทรัพย์สินของลูกหนี้ออกขายแล้วจะได้ราคาประมาณ 15,371,326.24 บาท และหลังจากที่มีการแปลงหนี้เป็นทุนแล้ว มีการลดทุนของลูกหนี้ในอัตราส่วน 10 หุ้น เป็น 3 หุ้น เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะที่แท้จริงของลูกหนี้ จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามูลค่าหุ้นนั้นมีมากกว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่ถึง 10 ส่วนต่อ 3 ส่วน มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นจึงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 30 ของมูลค่าที่ลูกหนี้ออกให้เพื่อการแปลงหนี้เป็นทุน หุ้นจึงมีราคาเพียงประมาณ 58,200,000 บาท ดังที่โจทก์แสดงมาเท่านั้น คงมีหนี้ส่วนที่จำเลยจะต้องรับผิดอีกประมาณ 130,000,000 บาท เมื่อโจทก์ไม่ได้เปลื้องความรับผิดให้แก่จำเลยในฐานะผู้ค้ำประกัน จำเลยจึงต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าวและโจทก์มีอำนาจนำมูลหนี้ดังกล่าวมาฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายได้”
พิพากษากลับ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 14

Share