คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3417/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระภิกษุว. ขอเข้าทำนาพิพาทของโจทก์ ต่อมาพระภิกษุ ว.ให้ พ. และจำเลยทำนาพิพาทแทนการครอบครองนาพิพาทของ พ. และจำเลยเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้ต่อมาพระภิกษุ ว. และ พ. มรณภาพและตายลง จำเลยทำนาเรื่อยมาก็ถือได้ว่าครอบครองนาพิพาทแทนโจทก์หาได้สิทธิครอบครองไม่
พระภิกษุ ว. ยึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ เพียงแต่การที่พระภิกษุ ว. ไปขอออก น.ส.3 ก. ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์แม้พระภิกษุ ว. ทำนาพิพาทมาช้านานเพียงไรก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง โจทก์ย่อมเรียกร้องให้คืนนาพิพาทได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดิน ส.ค.๑ พระภิกษุ ว.ได้รับอนุญาตจากโจทก์ให้ทำนาในที่ดินดังกล่าวโดยพระภิกษุ ว. เป็นผู้ลงทุนให้ พ. ผู้เป็นบุตรทำแทน และตกลงแบ่งข้าวเปลือกให้โจทก์ ต่อมาพระภิกษุ ว.ได้ลอบเอาที่ดินดังกล่าวบางส่วนไปขอออก น.ส.๓ ก. เป็นชื่อของตน เมื่อ พ.ตายจำเลยซึ่งเป็นภรรยา พ. ทำนาต่อ เมื่อพระภิกษุ ว. มรณภาพ โจทก์จะเข้าทำนา จำเลยอ้างว่านาพิพาทเป็นของจำเลย โจทก์ไปตรวจสอบหลักฐานทางอำเภอจึงเพิ่งทราบความจริง ขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของที่ดิน ส.ค.๑ ตามฟ้อง ให้เพิกถอน น.ส.๓ ก. ซึ่งออกให้แก่พระภิกษุ ว. ให้จำเลยและบริวารออกจากที่นาพิพาทและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่านาพิพาทเป็นของจำเลยและ พ. เดิมเป็นของพระภิกษุ ว.แล้วให้ พ. เข้าทำ ไม่เคยขอทำนา หรือแบ่งผลผลิตให้โจทก์ เมื่อพระภิกษุ ว.ขอออก น.ส.๓ ก. โจทก์และเจ้าของที่ดินข้างเคียงไม่คัดค้าน ต่อมาพระภิกษุ ว. ยกนาพิพาทให้ พ. และจำเลยจำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ตลอดมาย่อมได้สิทธิครอบครอง ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของนาพิพาท ให้เพิกถอนน.ส.๓ ก. ที่ออกให้แก่พระภิกษุ ว. ให้จำเลยและบริวารออกจากนาพิพาทและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระภิกษุ ว. เข้าทำนาพิพาทโดยให้ พ. และจำเลยลงมือทำแทน และเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้ต่อมาพระภิกษุ ว. และ พ.มรณภาพและตายลง จำเลยทำนาเรื่อยมา ก็ถือได้ว่าครอบครองนาพิพาทแทนโจทก์ หาได้สิทธิครอบครองไม่
การที่พระภิกษุ ว. ยึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ เพียงแต่การไปขอออกน.ส.๓ ก. ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกกล่าวแสดงเจตนาเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองต่อโจทก์ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๘๑ บัญญัติว่า บุคคลใดผู้ยึดถือทรัพย์สินอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนผู้ครอบครอง บุคคลนั้นจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือได้ ก็แต่โดยบอกกล่าวไปยังผู้ครอบครองว่าไม่เจตนาจะยึดถือทรัพย์สินแทนผู้ครอบครองต่อไปเมื่อพระภิกษุ ว. มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว ต้องถือว่ายังคงยึดถือครอบครองนาพิพาทไว้แทนโจทก์ตลอดมา แม้จะทำนาพิพาทมาช้านานเพียงไรก็ไม่ได้สิทธิครอบครองโจทก์ทั้งสองย่อมเรียกร้องให้คืนนาพิพาทได้ข้อที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือนาพิพาทมาตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๒๐ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในข้อนี้ จึงไม่รับวินิจฉัย
สำหรับค่าเสียหาย เมื่อปรากฏว่าจำเลยทำนาพิพาทขณะโจทก์ฟ้องและต่อสู้ว่านาพิพาทเป็นของตน เมื่อฟังว่านาพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองย่อมเสียหายจากการที่จำเลยทำนาพิพาทเท่ากับส่วนแบ่งที่โจทก์ทั้งสองเคยได้รับ
พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเพิ่มขึ้นแก่โจทก์ทั้งสอง

Share