แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 ประสบการขาดทุน จำต้องเลิกกิจการ และคืนอาคารห้องเช่าแก่เจ้าของ การขนสินค้าที่ยังมิได้ส่งมอบให้ลูกค้าไปเก็บไว้บ้านจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 ย่อมเป็นการกระทำที่มีเหตุผลเมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตแจ้งชัดอื่นใด การขนสินค้าของจำเลยที่ 1และที่ 2 จึงมิได้เป็นการขนโดยเจตนามิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มิให้ได้รับชำระหนี้ค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระโจทก์อยู่อย่างใด การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่เป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 2 ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกค้าของโจทก์ สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ไปจัดจำหน่าย ต่อมาจำเลยที่ 1 ดำเนินกิจการขาดทุน จึงได้เลิกกิจการและขนสินค้าที่ยังมิได้ส่งให้ลูกค้าไปไว้ที่บ้านจำเลยที่ 2 ปัญหามีว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการกระทำเพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ได้รับชำระหนี้ค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1ค้างชำระโจทก์โดยรู้อยู่ว่าโจทก์ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิทางศาลให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ที่ค้างหรือไม่ ปัญหานี้นายประเสริฐ เจนจรัสสกุลกรรมการผู้รับมอบอำนาจโจทก์ และนายพงษ์อินทร์ โพธิมาศ พยานโจทก์ต่างเบิกความเจือสมข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งสองนำสืบต่อสู้ว่ากิจการของจำเลยที่ 1 ประสบการขาดทุน ไม่มีเงินชำระค่าสินค้าให้โจทก์ จำเลยที่ 1 เคยเสนอขายกิจการให้โจทก์ แต่โจทก์เห็นว่าราคาที่จำเลยที่ 1 เสนอขายสูงมากไป จึงไม่ตกลงซื้อข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองที่ว่ากิจการจำเลยที่ 1 ขาดทุน จำต้องเลิกกิจการ คืนอาคารห้องเช่าแก่เจ้าของ และขนสินค้าที่ยังมิได้ส่งมอบให้ลูกค้าไปเก็บไว้บ้านจำเลยที่ 2 จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ ดังนั้นการขนสินค้าของจำเลยที่ 1 ไปเก็บบ้านจำเลยที่ 2 ย่อมเป็นการกระทำที่มีเหตุผล เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตแจ้งชัดอื่นใด การขนสินค้าของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมิได้เป็นการขนโดยเจตนามิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้มิให้ได้รับชำระหนี้ค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ค้างชำระโจทก์อยู่แต่อย่างใด ที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่าการขนสินค้าของจำเลยที่ 1 ไปเก็บรักษาไว้บ้านจำเลยที่ 2เพื่อมิให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน