แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พฤติการณ์ของโจทก์ที่เป็นฝ่ายผิดสัญญา และจำเลยที่มีหนังสือเร่งให้โจทก์ดำเนินการต่อไปพร้อมทั้งเสียค่าปรับตามสัญญาแต่แล้วจำเลยกลับมีหนังสือบอกเลิกสัญญาหาได้มีผลทำให้โจทก์กลับกลางเป็นผู้ไม่ผิดสัญญา และจำเลยเป็นผู้ผิดสัญญาไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองชดใช้เงินจำนวน 2,257,411 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 29กรกฎาคม 2523 จนกว่าชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดในความเสียหายใด ๆ โจทก์มิได้เสียหายดังฟ้องฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม และขาดอายุความ จำเลยที่ 2ไม่ต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว สำหรับประเด็นที่ว่าจำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยชอบแล้ว หรือจำเลยบอกเลิกสัญญากับโจทก์โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์เสียหานั้น โจทก์กล่าวอ้างในฟ้องว่าเหตุที่โจทก์ปฏิบัติงานที่จ้างไม่เสร็จภายในกำหนด เพราะจำเลยไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปกำหนดจุดสถานที่เพื่อให้โจทก์ดำเนินการก่อสร้างและอยู่ในระยะเวลาที่มีฝนตกต่อเนื่องกันหลายวัน ศาลฎีกาเห็นว่า ในการปูแอสฟัลท์ติกคอนกรีตถนนตามสัญญานั้นจะต้องอาศัยเครื่องจักรได้แก่ เครื่องปูยางแต่ปรากฏจากการตอบคำถามค้านทนายจำเลยของนายทรงศักดิ์ ชูตระกูล พยานโจทก์เองว่าเครื่องจักรที่จะมาทำงานนั้นได้มาติดตั้งเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม2523 พร้อมจะทำงานจริง ๆ ได้ในวันที่ 24 เดือนเดียวกัน อันเป็นเวลาภายหลังจากที่ครบกำหนดตามสัญญาแล้ว จึงเป็นที่เห็นได้ว่าแม้ในระหว่างสัญญาถึงฝนจะไม่ตกและเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้กำหนดจุดโจทก์ก็ไม่สามารถจะปูแอสฟัลท์ติกคอนกรีตตามสัญญาได้เพราะไม่มีเครื่องปูยางเนื่องจากเครื่องปูยางติดงานซึ่งโจทก์รับจ้างปูยางแอสฟัลท์ติกถนนเช่นเดียวกันอยู่ที่จังหวัดยโสธรดังปรากฏตามเอกสารหมาย ปจ.35 จึงมีผลเท่ากับว่าโจทก์มิได้ดำเนินการปูยางแอสฟัลท์ติดถนนจนกระทั่งครบกำหนดตามสัญญาเมื่อวันที่ 28มิถุนายน 2523 โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงมีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญาได้ แต่แทนที่จำเลยจะบอกเลิกสัญญากับโจทก์ จำเลยกลับมีหนังสือลงวันที่ 30 มิถุนายน 2523 เร่งให้โจทก์รีบดำเนินการและเสียค่าปรับตามสัญญาปรากฏตามเอกสารหมาย ปจ.34 แต่โจทก์ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร จำเลยกลับมีหนังสือลงวันที่ 25 กรกฎาคม2523 บอกเลิกสัญญากับโจทก์ดังปรากฏตามเอกสารหมาย ปจ.54อย่างไรก็ดีการบอกเลิกสัญญาของจำเลยดังกล่าวหามีผลประการใดไม่เพราะปรากฏว่าต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดได้มีคำสั่งให้โจทก์เข้าดำเนินการปูยางแอสฟัลท์ติกโดยได้มีการทำบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 และปจ. 59 หลังจากนั้นโจทก์ก็เข้าดำเนินการปูยางแอสฟัลท์ติกเสร็จสิ้นตามบันทึกแก้ไขเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญา และรับเงินค่าจ้างไปเรียบร้อย
พฤติการณ์ของโจทก์ที่เป็นฝ่ายผิดสัญญา และจำเลยที่มีหนังสือเร่งให้โจทก์ดำเนินการต่อไปพร้อมทั้งเสียค่าปรับ แต่แล้วจำเลยกลับมีหนังสือบอกเลิกสัญญาดังที่ได้วินิจฉัยมานี้ ศาลฎีกาเห็นว่าหาได้มีผลทำให้โจทก์กลับกลายเป็นผู้ไม่ผิดสัญญา และจำเลยเป็นผู้ผิดสัญญาไม่”
พิพากษายืน