คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนด แม้จะฟังว่าเป็นการมีชื่อถือกรรมสิทธิ์แทนในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องด้วย จำเลยก็มีฐานะเป็นตัวแทนของผู้ร้องในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินของผู้ร้อง และผู้ร้องอยู่ในฐานะเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ เมื่อจำเลยได้นำที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างไปจำนองไว้แก่โจทก์ การจำนองย่อมมีผลผูกพันกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของผู้ร้องด้วย ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ปล่อยทรัพย์ดังกล่าวที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ หากผิดนัดให้บังคับคดีและขายทอดตลาดทรัพย์จำนองชำระหนี้ได้ ต่อมาจำเลยผิดนัด โจทก์จึงขอให้บังคับคดีและนำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 1568 พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นทรัพย์จำนองมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์

ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องและจำเลยกับพวกอีกสองคนทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินดังกล่าวพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยตกลงแยกกันเป็นส่วนสัดและต่างเข้าครอบครองทำประโยชน์ เป็นส่วนของผู้ร้องขัดทรัพย์ 319 ตารางวาพร้อมด้วยบ้านไม้หนึ่งหลัง จำเลยได้ตกลงกับผู้ร้องและพวกว่า เมื่อชำระค่าที่ดินแล้วเสร็จขอให้ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว เพื่อจะนำไปประกอบเรื่องขออนุญาตก่อตั้งโรงเรียนราษฎร์ต่อกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของผู้ร้องกับพวกคืนให้ ครั้นมีการชำระค่าที่ดินแล้วเสร็จได้โอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เมื่อจำเลยได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งโรงเรียนราษฎร์ จำเลยขอผัดผ่อนการโอนโฉนดเฉพาะส่วนคืนให้ผู้ร้องกับพวก ผู้ร้องมิได้รู้เห็นหรือยินยอมในการที่จำเลยนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างส่วนของผู้ร้องไปจำนองไว้ต่อโจทก์ จึงไม่มีผลผูกพันกรรมสิทธิ์ส่วนของผู้ร้อง ขอให้ปล่อยทรัพย์เฉพาะส่วนของผู้ร้อง

โจทก์ให้การว่า จำเลยมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดเพียงผู้เดียวโจทก์รับจำนองไว้โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยและเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับจำเลย จึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน วินิจฉัยว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยจึงร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ ให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 1568 พร้อมสิ่งปลูกสร้างมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดเพียงผู้เดียว และจำเลยได้จดทะเบียนจำนองไว้ต่อโจทก์ ต่อมาไม่ชำระหนี้จึงถูกฟ้องบังคับจำนอง และถูกบังคับคดีตามคำพิพากษา แล้ววินิจฉัยว่า ข้อที่ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกาว่า การที่จำเลยมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิที่ดินโฉนดเลขที่ 1568 เป็นการมีชื่อแทนในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องขัดทรัพย์ จำเลยไม่มีอำนาจนำที่ดินเฉพาะส่วนของผู้ร้องขัดทรัพย์ไปจำนองนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ว่า การที่จำเลยมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 1568 เป็นการมีชื่อแทนในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องขัดทรัพย์ จำเลยก็มีฐานะเป็นตัวแทนของผู้ร้องขัดทรัพย์ในส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินของผู้ร้องขัดทรัพย์ และผู้ร้องขัดทรัพย์อยู่ในฐานะเป็นตัวการ ซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ เมื่อจำเลยซึ่งมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดนำที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างไปจำนองไว้กับโจทก์ ก็ต้องถือว่าผู้ร้องขัดทรัพย์ยอมให้จำเลยทำการออกหน้าเป็นตัวการในการจำนอง ผู้ร้องขัดทรัพย์จึงหาอาจจะทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอันเขามีต่อจำเลยซึ่งเป็นตัวแทน และโจทก์ขวนขวายได้มาแต่ก่อนที่จะรู้ว่าจำเลยเป็นตัวแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 การจำนองที่จำเลยทำไว้กับโจทก์จึงมีผลผูกพันกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของผู้ร้องขัดทรัพย์ด้วย ส่วนปัญหาที่ว่าโจทก์รับจำนองโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนหรือไม่นั้น เห็นว่าผู้ร้องขัดทรัพย์มิได้กล่าวอ้างหรือยกประเด็นไว้ในคำร้องปัญหาดังกล่าวจึงไม่เป็นประเด็นข้อพิพาท ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย เมื่อการจำนองที่จำเลยทำไว้กับโจทก์มีผลผูกพันผู้ร้องขัดทรัพย์ ผู้ร้องขัดทรัพย์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ปล่อยทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ คดีไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไปศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องของผู้ร้องขัดทรัพย์ชอบแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล

พิพากษายืน

Share