แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 บัญญัติว่าอุทธรณ์ทุกฉบับต้องระบุข้อเท็จจริงโดยย่อนั้น หมายความถึงข้อเท็จจริงที่คู่ความยกขึ้นอุทธรณ์ ดังนี้ การที่อุทธรณ์ของจำเลยมิได้กล่าวถึงทางพิจารณาที่โจทก์จำเลยนำสืบ จึงหาได้ขัดต่อบทบัญญัติดังกล่าวไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๑๗, ๖๙, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๙ จำคุกคนละ ๒๔ ปี ลดโทษแล้วจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๑๒ ปี จำคุกจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๕ คนละ๑๖ ปี
จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๓และที่ ๕
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ และที่ ๔ ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ ๑ และวินิจฉัยว่า ที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๓ บัญญัติว่า อุทธรณ์ทุกฉบับต้องระบุข้อเท็จจริงโดยย่อนั้น หมายความถึงข้อเท็จจริงที่คู่ความยกขึ้นอุทธรณ์ การที่อุทธรณ์ของจำเลยมิได้กล่าวถึงทางพิจารณาที่โจทก์จำเลยนำสืบ จึงหาได้ขัดต่อบทบัญญัติดังกล่าวไม่
พิพากษายืน.