แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุ 4 ปี ไปจากมารดาผู้ปกครอง และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เยาว์ไว้เพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นความผิดหลายบท คือตามมาตรา 313 ประกอบด้วยมาตรา 316 บทหนึ่ง และตามมาตรา 317 อีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นความผิดหลายกรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันพรากและเอาตัวเด็กชายเอกอายุ ๔ ปีเศษ ไปจากนางอำนวยมารดาผู้ปกครองดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อหากำไรและหน่วงเหนี่ยวกักขังกระทำให้เด็กชายเอกปราศจากเสรีภาพในร่างกาย แล้วมีหนังสือข่มขืนใจนางอำนวยมารดาและจ่าสิบเอกดุลย์วิทย์บิดาให้ยอมให้เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทภายใน ๓ วัน ถ้าขัดขืนไม่ให้เงินจะฆ่าเด็กชายเอก เพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะนางอำนวยผู้ถูกข่มขืนใจไม่ยอมให้เงินเช่นว่านั้น จำเลยกับพวกจึงไม่ได้ทรัพย์สินตามที่กรรโชก ต่อมาจำเลยกับพวกได้ปล่อยตัวเด็กชายเอกกลับบ้าน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๐, ๓๑๓, ๓๑๗, ๓๓๗, ๘๐, ๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๑, ๑๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันพรากเด็กชายเอกไปจากผู้ปกครองโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย และเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ แต่จำเลยได้ปล่อยเด็กชายเอกกลับบ้าน โดยไม่ปรากฏว่าได้รับอันตรายอย่างใด ปรับบทได้ตามมาตรา ๓๑๖ ส่วนความผิดตามมาตรา ๓๑๐ และ ๓๑๗ มีองค์ประกอบอยู่ในมาตรา ๓๑๓ อยู่ในตัว จึงไม่เป็นความผิดตามมาตราดังกล่าวอีก พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ข้อ ๑๑ ประกอบด้วยมาตรา ๓๑๖ และผิดตามมาตรา ๓๑๗ อีกกระทงหนึ่ง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยกระทำผิดจริง แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบทคือ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๓ แก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๑ ประกอบด้วยมาตรา ๓๑๖ บทหนึ่ง และตามมาตรา ๓๑๗ อีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นความผิดหลายกรรม
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๓ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๑ ประกอบด้วยมาตรา ๓๑๖ และผิดมาตรา ๓๑๗ ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๑๓ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด