คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3395/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับ ด. ได้ร่วมกันนำพินัยกรรมซึ่งมีข้อความว่า ต. เจ้ามรดกยกที่ดินมีโฉนดให้แก่ ด. ไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินเชื่อและได้แก้ทะเบียนที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของจำเลย แต่ในขณะนั้น ร. ซึ่งอ้างว่าเป็นบุตรของ ต. เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่และต่อมาก่อนตาย ร. ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินดังกล่าวที่อ้างว่าจะได้รับมรดกให้แก่โจทก์ ดังนี้แม้จะฟังว่า ร. เป็นบุตรของ ต. เจ้ามรดก และพินัยกรรมนั้นปลอมแต่ขณะเกิดเหตุการกระทำผิด ร. ยังมีชีวิตอยู่ ร. จึงเป็นผู้เสียหายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 4, 5 และ 6 ไม่ได้ให้อำนาจโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมฟ้องคดีแทน ร. ผู้เสียหายได้ดังนั้นเมื่อ ร. ถึงแก่ความตายแล้ว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดก เป็นทายาทโดยธรรมและโดยพินัยกรรมและนางบุญรอด จำเลยกับนายดาดซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว ได้ร่วมกันใช้หรืออ้างหนังสือพินัยกรรมลงวันที่ 12 กันยายน 2512 ซึ่งมีข้อความว่านางตีบได้ยกทรัพย์สินอันเป็นกองมรดกให้นายดาดกับบุคคลอื่นอันเป็นเอกสารปลอม และได้แสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินเจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อจึงทำการแก้ทะเบียนที่ดินโฉนดที่ 538, 539,544 และ 620 ให้จำเลย ทำให้โจทก์และบุคคลอื่นเสียหาย และจำเลยได้ร่วมกับนายดาดแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่า เอกสารพินัยกรรมดังกล่าวเป็นพินัยกรรมที่แท้จริง นางตีบผู้ตายไม่มีทายาทอื่นที่จะรับมรดกอันเป็นความเท็จ ความจริงเอกสารพินัยกรรมดังกล่าวเป็นเอกสารที่นายดาดร่วมกับบุคคลอื่นทำปลอมขึ้นทั้งฉบับ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาหลงเชื่อตามคำกล่าวเท็จของจำเลยและนายดาดจึงได้โอนที่ดินดังกล่าวทั้ง 4 โฉนด ให้แก่จำเลย ทำให้โจทก์เสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 266, 268, 137,91

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การปฏิเสธและตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาต

ศาลฎีกาวินิจฉัยเรื่องอำนาจฟ้องว่า นายดาดได้นำพินัยกรรมของนางตีบลงวันที่ 12 กันยายน 2512 ตามเอกสารหมาย จ.5 ไปขอรับมรดกที่ดินโฉนดที่ 538, 539, 544 และ 620 ของนางตีบตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.4 ตามที่โจทก์ฟ้องมาเป็นของนายดาดตามคำขอโอนมรดกฉบับเลขที่ 206/2517, 207/2517, 211/2517 และ 209/2517 ลงวันที่ 3 มิถุนายน 2517 ตามลำดับและเจ้าพนักงานที่ดินได้โอนที่ดินมรดกทั้ง 4 แปลงดังกล่าวให้นายดาดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2517 นางบุญรอดซึ่งอ้างว่าเป็นบุตรนางตีบถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2519 ก่อนตายนางบุญรอดได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินโฉนดที่ 538, 539,544 แล 620 ตามฟ้อง อ้างว่าที่จะได้รับมรดกจากนางตีบมารดาให้โจทก์เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2519 เห็นว่า แม้จะฟังว่านางบุญรอดเป็นบุตรนางตีบและพินัยกรรมของนางตีบดังกล่าวเป็นพินัยกรรมปลอม และจำเลยร่วมกับนายดาดใช้หรืออ้างหนังสือพินัยกรรมดังกล่าว แต่ขณะเกิดเหตุนั้นนางบุญรอดนางตีบยังมีชีวิตอยู่ นางบุญรอดบุตรนางตีบจึงเป็นผู้เสียหาย เมื่อนางบุญรอดถึงแก่ความตายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 4, 5 และ 6 ไม่ได้ให้อำนาจโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมของนางบุญรอดที่จะฟ้องคดีแทนนางบุญรอดได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายในข้อหาใช้หรืออ้างเอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 และในข้อหาแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้

พิพากษายืน

Share