แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 จำคุก 15 วันและปรับ1,000 บาท โทษจำคุกรอไว้ 1 ปี จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ปัญหาว่าจำเลยทำคำร้องโดยสุจริตหรือไม่ จำเลยขาด เจตนากระทำผิดหรือไม่ และจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง หรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 332
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 332 ให้จำคุก 15 วันและปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกรอไว้ 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลวินิจฉัยว่า ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทำคำร้องเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งเป็นความเท็จโดยจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตเป็นการหมิ่นประมาทผู้เสียหาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) เป็นความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 จำคุก 15 วัน และปรับ1,000 บาท โทษจำคุกรอไว้ 1 ปี จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อความชอบธรรมป้องกันตนและป้องกันส่วนได้เสียของตนตามคลองธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) เป็นการโต้เถียงว่าจำเลยทำคำร้องเอกสารหมาย จ.1 โดยสุจริต ปัญหาว่าจำเลยทำคำร้องเอกสารหมายจ.1 โดยสุจริตหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยขาดเจตนาที่จะกระทำความผิดหรือกระทำไปโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงว่าผู้เสียหายไม่ได้ให้ความเป็นธรรมแก่จำเลย ปัญหาว่าจำเลยขาดเจตนากระทำความผิดหรือไม่ และจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงหรือไม่ก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกันฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
พิพากษาฎีกาจำเลย