คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สิทธิเรียกร้องตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงมีอายุความ10ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา164เดิมนับแต่วันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดเวลาใช้เงิน ท. ทำหนังสือรับสภาพหนี้และรับใช้หนี้ไว้แก่โจทก์ว่า ท.ยอมรับผิดชำระหนี้ตามเช็คที่ ถ. และจำเลยทำสัญญาขายลดไว้กับโจทก์แต่เมื่อโจทก์มิได้ลงชื่อร่วมกับ ท. ด้วยจึงเป็นกรณีที่ ท. มีเจตนาฝ่ายเดียวยอมตนเข้าเป็นลูกหนี้ของโจทก์โดยโจทก์กับ ท. มิได้มีการทำสัญญากันเพื่อให้หนี้ของจำเลยที่มีต่อโจทก์ระงับสิ้นไปและให้มาบังคับตามหนังสือดังกล่าวจึงมิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย นำ เช็ค จำนวน 4 ฉบับ มา ทำ สัญญา ขาย ลด กับโจทก์ เมื่อ เช็ค แต่ละ ฉบับ ถึง กำหนด โจทก์ นำเข้า บัญชี เพื่อ เรียกเก็บเงิน ธนาคาร ปฏิเสธ การ จ่ายเงิน เช็ค ทั้ง สี่ ฉบับ ขอให้ บังคับ จำเลยชำระ เงิน จำนวน 629,765.25 บาท พร้อม ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 15ต่อ ปี ใน ต้นเงิน 297,500 บาท นับ ถัด จาก วันฟ้อง
จำเลย ให้การ ว่า เมื่อ ธนาคาร ปฏิเสธ การ จ่ายเงิน ตามเช็ค ที่จำเลย นำ มา ขาย ลด แก่ โจทก์ โจทก์ ตกลง ยินยอม รับ เอา นาย เทียม และ นาย ปรัชญา เป็น ผู้ชำระหนี้ แทน จำเลย และ โจทก์ ได้รับ ชำระหนี้ ตาม สัญญา ขาย ลด ตั๋วเงิน จาก บุคคล ทั้ง สอง ตลอดมา จำเลย จึง ไม่มี หนี้สินใด ๆ ติด ค้าง อยู่ กับ โจทก์ และ ฟ้อง ของ โจทก์ ขาดอายุความ เพราะ ไม่ได้ฟ้อง ภายใน 1 ปี นับแต่ วันที่ เช็ค แต่ละ ฉบับ ถึง กำหนด ใช้ เงิน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 297,500 บาทแก่ โจทก์ พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี นับแต่ วันที่18 มกราคม 2527 เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เงิน ให้ โจทก์ เสร็จ
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง ฟังได้ ในเบื้องต้น ว่า จำเลย นำ เช็ค ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขา ราชวัตร จำนวน 4 ฉบับ ซึ่ง นาย เทียม ศิรินพวงศากร เป็น ผู้สั่งจ่าย มา ทำ สัญญา ขาย ลด ไว้ กับ โจทก์ ที่ สาขา ศรีย่าน รวม 4 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อ วันที่ 12 เมษายน 2525 เช็ค ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2525 จำนวนเงิน 63,000 บาท ครั้งที่ สอง เมื่อ วันที่ 19 เมษายน 2525 เช็ค ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2525 จำนวนเงิน 73,500 บาท ครั้งที่ สาม เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2525 เช็ค ลงวันที่ 8 มิถุนายน 2525 จำนวนเงิน86,500 บาท และ ครั้งที่ สี่ เมื่อ วันที่ 28 เมษายน 2525 เช็ค ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2525 จำนวนเงิน 74,500 บาท โดย มี ข้อตกลง ว่าหาก โจทก์ ไม่ได้ รับชำระหนี้ จำเลย ยอมรับ ผิด ใช้ เงิน ตาม จำนวน ใน เช็คพิพาท แก่ โจทก์ พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ 19 ต่อ ปี เมื่อ เช็คพิพาท ทั้ง สี่ ฉบับ ดังกล่าว ถึง กำหนด ใช้ เงิน โจทก์ เรียกเก็บเงิน ตามเช็คไม่ได้ เพราะ ธนาคาร ปฏิเสธ การ จ่ายเงิน โดย ให้ เหตุผล ว่า โปรด ติดต่อผู้สั่งจ่าย วันที่ 5 พฤศจิกายน 2525 โจทก์ มี หนังสือ ยินยอม ให้นาย ปรัชญา เอื้อรักสกุล ผ่อนชำระ หนี้ ของ นาย ถวัลย์ เอื้อรักสกุล และ กล่าว ถึง เช็คพิพาท 4 ฉบับ ที่ จำเลย ทำ สัญญา ขาย ลด ไว้ กับ โจทก์ตาม เอกสาร หมาย ล. 2 และ วันที่ 8 เมษายน 2526 นาย เทียม ศิรินพวงศากร ได้ ทำ หนังสือ รับสภาพหนี้ และ รับ ใช้ หนี้ ตามเช็ค จำนวน 13 ฉบับซึ่ง นาย เทียม เป็น ผู้สั่งจ่าย และ นาย ถวัลย์ กับ จำเลย นำ มา ทำ สัญญา ขาย ลด ไว้ กับ โจทก์ ตาม เอกสาร หมาย ล. 1
ปัญหา วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ข้อ แรก มี ว่า หนี้ ตาม ฟ้องโจทก์ระงับ ไป โดย การ แปลงหนี้ใหม่ ด้วย เปลี่ยน ตัว ลูกหนี้ ตาม หนังสือรับสภาพหนี้ และ รับ ใช้ หนี้ เอกสาร หมาย ล. 1 และ หนังสือ ยินยอม ให้ผ่อนชำระ หนี้ เอกสาร หมาย ล. 2 หรือไม่ จำเลย ฎีกา ว่า นาย ปรัชญา ได้ มี หนังสือ ถึง โจทก์ เสนอ ขอ ผ่อนชำระ หนี้ ของ นาย ถวัลย์ และ จำเลย ที่ มี ต่อ โจทก์ แทน นาย ถวัลย์ และ จำเลย ซึ่ง นาย ปรัชญา ผ่อนชำระ หนี้ งวด แรก จำนวน 30,000 บาท แก่ โจทก์ แล้ว โจทก์ จึง มี หนังสือลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2535 ตาม เอกสาร หมาย ล. 2 ยินยอม ให้ นาย ปรัชญา ผ่อนชำระ หนี้ ตาม ที่ เสนอ มา ได้ ซึ่ง หนี้ ที่ โจทก์ ยอม ให้ นาย ปรัชญา ผ่อนชำระ ดังกล่าว รวม ถึง หนี้ ตามเช็ค พิพาท ที่ จำเลย นำ มา ขาย ลด แก่โจทก์ ด้วย โจทก์ จึง ไม่จำต้อง แสดง เจตนา ยินยอม ปลด จำเลย ให้ หลุดพ้นจาก ความรับผิด ตาม สัญญา ขายลดเช็ค พิพาท ที่ จำเลย ทำ ไว้ กับ โจทก์ เพราะเอกสาร หมาย ล. 2 ที่ โจทก์ มี ไป ถึง นาย ปรัชญา มีผล ผูกพัน โจทก์ กับ นาย ปรัชญา และ เป็น ผล ให้ โจทก์ ต้อง บังคับ ชำระหนี้ ตาม สัญญา ที่ ทำ กัน ขึ้น ใหม่ จึง ทำให้ หนี้ ตาม สัญญา ขายลดเช็ค ของ จำเลย ระงับ ไปโดย การ แปลงหนี้ใหม่ ด้วย เปลี่ยน ตัว ลูกหนี้ เห็นว่า การ แปลงหนี้ใหม่ด้วย เปลี่ยน ตัว ลูกหนี้ อัน จะ ทำให้ หนี้ เดิม ระงับ ไป นั้น ประมวล กฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์ มาตรา 350 บัญญัติ ว่า “แปลงหนี้ใหม่ ด้วย เปลี่ยน ตัวลูกหนี้ นั้น จะ ทำ เป็น สัญญา ระหว่าง เจ้าหนี้ กับ ลูกหนี้ คนใหม่ ก็ ได้แต่ จะ ทำ โดย ขืน ใจ ลูกหนี้ เดิม หาได้ไม่ ” ดังนั้น หนี้ ของ จำเลย ที่ มีต่อ โจทก์ ตาม สัญญา ขายลดเช็ค จะ ระงับ สิ้นไป โดย การ แปลงหนี้ใหม่ ด้วยเปลี่ยน ตัว ลูกหนี้ ก็ ต่อเมื่อ โจทก์ และ นาย ปรัชญา ทำ สัญญา กัน ว่า โจทก์ ยอมรับ นาย ปรัชญา เป็น ลูกหนี้ แทน จำเลย แต่ เอกสาร หมาย ล. 2เป็น เพียง หนังสือ ของ ผู้จัดการ โจทก์ สาขา ศรีย่าน ที่ มี ถึง นาย ปรัชญา แจ้ง ว่า โจทก์ ยอมรับ การ ขอ ผ่อนชำระ หนี้ ต่าง ๆ ของ นาย ถวัลย์ ที่ มี ต่อ โจทก์ รวม ประมาณ 1,700,000 บาท เป็น รายเดือน จนกว่า จะ หมดตาม ที่นาย ปรัชญา เสนอ ขอ ผ่อนชำระ หนี้ แทน มา หาใช่ เป็น การ ทำ สัญญา ระหว่าง โจทก์ กับ นาย ปรัชญา แต่ ประการใด ไม่ ทั้ง หนังสือ ดังกล่าว ก็ มิได้ พูด ถึง หนี้ ของ จำเลย ที่ มี ต่อ โจทก์ ด้วย แม้ จะ มี การ กล่าว ถึงเช็คพิพาท ทั้ง สี่ ฉบับที่ จำเลย นำ ไป ขาย ลด ไว้ กับ โจทก์ แต่ ก็ เป็นเพียง การ ย้ำ ให้ ชัดแจ้ง ว่า การ ยอม ผ่อนผัน ให้ ผ่อนชำระ หนี้ นั้นไม่เป็น ผล ให้ คดีอาญา ที่ โจทก์ แจ้งความ ร้องทุกข์ ต่อ เจ้าพนักงาน ตำรวจเกี่ยวกับ เช็ค จำนวน 13 ฉบับ ซึ่ง รวม ถึง เช็คพิพาท 4 ฉบับ ระงับไป จนกว่า จะ ได้รับ ชำระหนี้ ตามเช็ค เหล่านั้น ครบถ้วน แสดง ให้ เห็นว่าโจทก์ ไม่ได้ มี เจตนา ที่ จะ ให้ หนี้ เดิม ระงับ กรณี จึง ไม่ใช่ เป็น การแปลงหนี้ใหม่ ด้วย เปลี่ยน ตัว ลูกหนี้ หนี้ ที่ จำเลย มี ต่อ โจทก์ จึงยัง คง มี อยู่ เช่น เดิม ไม่ระงับ สิ้นไป สำหรับ หนังสือ รับสภาพหนี้และ รับ ใช้ หนี้ ของ นาย เทียม ศิรินพวงศากร ที่ ทำ ไว้ แก่ โจทก์ ตาม เอกสาร หมาย ล. 1 นั้น จำเลย ฎีกา ว่า นาย เทียม ยินยอม ชำระหนี้ ตาม สัญญา ขายลดเช็ค ที่ จำเลย ทำ ไว้ กับ โจทก์ เพราะ เช็คพิพาท ที่ จำเลยนำ ไป ขาย ลด จำนวน 4 ฉบับ เป็น เช็ค ที่นาย เทียม เป็น ผู้สั่งจ่าย และ โจทก์ ยินยอม ให้ นาย เทียม ชำระหนี้ แทน จำเลย ทั้ง ใน วัน ทำ หนังสือ เอกสาร หมาย ล. 1 โจทก์ ได้รับ ชำระหนี้ จาก นาย เทียม 180,000 บาท และ ต่อมา นาย เทียม ยัง ชำระหนี้ แก่ โจทก์ แทน จำเลย อีก 510,000 บาท โจทก์ จึง ได้รับ ชำระหนี้ ครบถ้วน แล้ว จำเลย ไม่ต้อง ชำระหนี้ ตาม สัญญาขายลดเช็ค แก่ โจทก์ อีก การ ที่ โจทก์ ยอมรับ นาย เทียม เข้า ชำระหนี้ แทน จำเลย ทำให้ หนี้ เดิม ตาม สัญญา ขายลดเช็ค เป็น อัน ระงับ ไป โดย การแปลงหนี้ใหม่ ด้วย เปลี่ยน ตัว ลูกหนี้ เห็นว่า ตาม ภาพถ่าย หนังสือรับสภาพหนี้ และ รับ ใช้ หนี้ ซึ่ง นาย เทียม ทำ ไว้ แก่ โจทก์ ตาม เอกสาร หมาย ล. 1 เป็น เพียง หนังสือ ที่นาย เทียม ทำ ขึ้น ฝ่ายเดียว โจทก์ มิได้ ลงชื่อ ด้วย และ หนังสือ ดังกล่าว มี ข้อความ ว่า นาย เทียม ยอม รับผิด ชำระหนี้ ตามเช็ค ที่นาย ถวัลย์ และ จำเลย ทำ สัญญา ขาย ลด ไว้ กับ โจทก์ จำนวน 13 ฉบับ เป็น เงิน 1,197,000 บาท ซึ่ง รวม ถึง เช็คพิพาท 4 ฉบับ ที่ จำเลย ทำ สัญญา ขาย ลด ไว้ กับ โจทก์ ด้วย เพราะ นาย เทียม เป็น ผู้สั่งจ่าย ใน วัน ทำ หนังสือ นาย เทียม ชำระหนี้ ให้ โจทก์ 180,000บาท และ ได้ ออก เช็ค ลงวันที่ ล่วงหน้า 25 ฉบับ ผ่อนชำระ หนี้ ที่ยัง เป็น หนี้ อยู่ อีก 1,017,000 บาท เป็น เวลา 25 เดือน โดย นาย เทียม ตกลง ว่า หาก นาย เทียม ผิดนัด ชำระหนี้ งวด หนึ่ง งวด ใด ให้ โจทก์ เรียกร้อง ให้ นาย เทียม ชำระหนี้ ที่ ค้างชำระ ทั้งหมด ได้ ทันที และ การ ยอมรับ สภาพ หนี้ และ รับ ใช้ หนี้ ตาม หนังสือ นี้ ไม่เป็น การ ตัด สิทธิ โจทก์ ที่จะ เรียกร้อง หรือ ฟ้องร้อง บังคับคดี แก่ นาย ถวัลย์ และ จำเลย ตาม สัญญา ขายลดเช็ค ที่ บุคคล ทั้ง สอง ทำ กับ โจทก์ แต่ ประการใด ดังนี้ เมื่อเอกสาร หมาย ล. 1 เป็น กรณี ที่นาย เทียม มี เจตนา ฝ่ายเดียว ยอม ตน เข้า เป็น ลูกหนี้ ของ โจทก์ เพื่อ ชำระหนี้ ตามเช็ค ที่นาย เทียม เป็น ผู้สั่งจ่าย ซึ่ง นาย ถวัลย์ และ จำเลย นำ มา ทำ สัญญา ขาย ลด โดย โจทก์ กับ นาย เทียม มิได้ มี การ ทำ สัญญา กัน เพื่อ ให้ หนี้ ของ จำเลย ที่ มี ต่อ โจทก์ ตาม สัญญา ขายลดเช็ค ระงับ สิ้นไป และ มา บังคับ ตาม หนี้ ดัง ที่ระบุ ไว้ ใน เอกสาร หมาย ล. 1 แต่อย่างใด กรณี จึง มิใช่ เป็น การ แปลง หนี้ใหม่ ด้วย เปลี่ยน ตัว ลูกหนี้ ส่วน เงิน 180,000 บาท ที่นาย เทียม ชำระ ให้ โจทก์ ใน วัน ทำ หนังสือ รับสภาพหนี้ และ รับ ใช้ หนี้ นั้น ตามเอกสาร หมาย ล. 1 ระบุ ไว้ ชัดแจ้ง ว่า เป็น การ ชำระหนี้ ตามเช็ค ที่นาย ถวัลย์ เป็น ผู้นำ ไป ทำ สัญญา ขาย ลด กับ โจทก์ คือ สัญญา ขายลดเช็ค ของ นาย ถวัลย์ ฉบับ ลงวันที่ 4 พฤษภาคม 2525 จำนวนเงิน 136,000 บาท กับ ฉบับ ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2525 จำนวนเงิน 44,000 บาท ไม่ใช่การ ชำระหนี้ ของ จำเลย ตาม สัญญา ขายลดเช็ค พิพาท ที่ จำเลย ทำ ไว้ กับ โจทก์ส่วน ที่ จำเลย อ้างว่า หลังจาก ทำ เอกสาร หมาย ล. 1 แล้ว นาย เทียม ได้ ชำระหนี้ แก่ โจทก์ อีก 510,000 บาท นั้น ได้ความ จาก นาย ประสาท เกตุนุติ เจ้าหน้าที่ จัดทำ สัญญา ของ โจทก์ สาขา ศรีย่าน พยานโจทก์ เบิกความ ตอบ คำถาม ติง ว่า นาย เทียม ชำระหนี้ ให้ โจทก์ ไป แล้ว 400,000บาท เศษ แต่ โจทก์ นำ มา หักหนี้ ราย ของ นาย ถวัลย์ ดังนั้น หนี้ ตาม สัญญา ขายลดเช็ค ที่ จำเลย ทำ กับ โจทก์ จึง ยัง ไม่มี การ ชำระ และ ไม่ระงับสิ้นไป
ปัญหา ตาม ฎีกา ของ จำเลย ข้อ ต่อมา มี ว่า ฟ้องโจทก์ ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ ฟ้อง จำเลย ขอให้ ชำระ เงิน ตาม สัญญา ขายลดเช็คสิทธิเรียกร้อง ของ โจทก์ ตาม สัญญา ขายลดเช็ค ไม่มี กฎหมาย บัญญัติ เรื่องอายุความ ไว้ โดยเฉพาะ จึง ต้อง บังคับ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 เดิม คือ มี อายุความ 10 ปี นับแต่ วันที่ เช็คพิพาท ถึงกำหนด เวลา ใช้ เงิน ใน เดือน มิถุนายน 2525 โจทก์ ฟ้อง เมื่อ วันที่ 18มกราคม 2532 ยัง ไม่เกิน 10 ปี ฟ้องโจทก์ จึง ไม่ขาดอายุความ ฟ้องโจทก์ มิได้ บังคับ จำเลย ชำระ เงิน ตามเช็ค พิพาท ดังนั้น จะ นำ อายุความลักษณะ ตั๋วเงิน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1002 ซึ่ง มีอายุความ 1 ปี มา ใช้ บังคับ แก่ คดี นี้ ตาม ที่ จำเลย ฎีกา หาได้ไม่ ”
พิพากษายืน

Share