คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับของโจรรถจักรยานยนต์ 2 คัน ไว้ในคราวเดียวกัน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว การที่โจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นแต่ละคดีตามจำนวนรถจักรยานยนต์เป็น 2 คดี เมื่อได้ความว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์คันหนึ่งแล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งเป็นคดีนี้อีกเพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 357, 83 และให้นับโทษจำเลยแต่ละคนต่อจากโทษในคดีอื่นของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามให้การปฎิเสธ แต่จำเลยที่ 2 ที่ 3 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 หลบหนีศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันรับของโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก,83 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 5 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 3 ปี 4 เดือนให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 926/2534 ของศาลชั้นต้น ส่วนคดีอื่นที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 2 และที่ 3 ต่อตามคำขอท้ายฟ้องนั้น ไม่ปรากฎว่าเป็นคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว คำขอในส่วนนี้จึงให้ยกเสีย
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้รับรถจักรยานยนต์ของกลาง หมายเลขทะเบียนเชียงใหม่ ส-5813 และหมายเลขทะเบียน เชียงใหม่ ส-6821 ไว้ในคราวเดียวกัน และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าโจทก์ได้แยกฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรทรัพย์ดังกล่าวตามจำนวนรถจักรยานยนต์ 2 คัน เป็น2 คดี โดยฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 คดีแรก ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน เชียงใหม่ ส – 5813 ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3036/2535และศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะนำคดีอาญามาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในความผิดฐานรับของโจรรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน เชียงใหม่ ส-6821 เป็นคดีนี้อีกเพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกันกับคดีดังกล่าว และสิทธิที่โจทก์จะนำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 สำหรับความผิดนั้นเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
พิพากษายืน

Share