แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานหลังวันชี้สองสถานแต่จากบัญชีระบุพยานทั้ง 9 อันดับ เห็นได้ว่าทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ระบุอ้างล้วนแต่เป็นพยานหลักฐานที่โจทก์ทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่ขณะฟ้องคดีว่าต้องนำมาสืบเพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องอย่างใดที่โจทก์ไม่สามารถจะยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันได้ โจทก์คงอ้างแต่เพียงว่าเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ซึ่งมิใช่เหตุที่จะอ้างได้ตามกฎหมาย กรณีจึงไม่มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาในข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ดังกล่าวได้ ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งยกคำร้องและไม่รับบัญชีระบุพยานของโจทก์ชอบแล้ว.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และสั่งงดเงินเพิ่มและเบี้ยปรับแก่โจทก์ด้วย
จำเลยให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ตามฟ้องกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางชี้สองสถานแล้ว โจทก์จึงยื่นบัญชีระบุพยานศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลภาษีอากรกลางเห็นว่าคำสั่งรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าวเป็นคำสั่งที่สั่งโดยผิดหลง เพราะขัดต่อข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่สั่งรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ดังกล่าวเสีย โจทก์แถลงว่ามีเหตุสมควรที่ไม่อาจยื่นบัญชีระบุพยานได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 8 ขอเวลายื่นคำร้องแสดงเหตุผลตามกฎหมายภายใน 7 วัน ศาลภาษีอากรกลางอนุญาต ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่ทราบความมีอยู่ของเอกสารการประเมินภาษี โจทก์เพิ่งทราบหลังจากศาลชี้สองสถานไปแล้วว่า จำเลยได้ส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลแล้ว และได้มา ตรวจ สอบเอกสารดังกล่าว จึงทราบว่าเป็นเอกสารที่ต้องใช้ประกอบเป็นพยานหลักฐานส่วนพยานบุคคลก็เคยไปให้การต่อเจ้าพนักงานประเมิน และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์โจทก์จึงไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย ด้วยเหตุผลอันสมควรอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ โจทก์จึงขออนุญาตระบุบัญชีพยานตามบัญชีระบุพยานท้ายคำร้อง
ศาลภาษีอากรกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้องโจทก์ และไม่รับบัญชีระบุพยานท้ายคำร้อง แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า เห็นว่า การที่ศาลจะอนุญาตให้คู่ความยื่นบัญชีระบุพยานภายหลังวันชี้สองสถานได้นั้น คู่ความนั้นจะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ตามที่บัญญัติไว้ในข้อ 8 วรรคสุดท้าย แห่งข้อกำหนดคดีภาษีอากร ปัญหาวินิจฉัยจึงอยู่ที่ว่า โจทก์มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันหรือไม่ โจทก์อ้างเหตุในคำร้องขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานว่า โจทก์เพิ่งทราบหลังจากศาลชี้สองสถานแล้วว่า จำเลยได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับการประเมินและการตรวจสอบภาษีของโจทก์ต่อศาลแล้ว จากนั้นโจทก์จึงขอตรวจเอกสารดังกล่าวแล้วจึงทราบว่าเป็นเอกสารที่โจทก์ต้องใช้อ้างอิงเป็นพยานหลักฐานได้พิเคราะห์บัญชีระบุพยานของโจทก์ท้ายคำร้อง ลงวันที่ 15กันยายน 2532 แล้ว โจทก์ระบุอ้างพยานรวม 9 อันดับ อันดับ 1 ถึง 6เป็นพยานบุคคล ซึ่งมีทั้งตัวโจทก์และทนายโจทก์รวมอยู่ด้วย ส่วนอันดับ 7 ถึง 9 เป็นพยานเอกสาร คือ อันดับ 7 โจทก์ระบุอ้างแฟ้มและสรรพเอกสารการประเมินภาษี การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์อันดับ 8 ระบุอ้างหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทปัฐวิกรณ์ จำกัดซึ่งโจทก์เป็นกรรมการผู้จัดการ และอันดับ 9 ระบุอ้างแบบ ภ.ง.ด.9ก.ของโจทก์ จากบัญชีระบุพยานของโจทก์ทั้ง 9 อันดับดังกล่าว เห็นได้ว่าทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ระบุอ้าง ล้วนแต่เป็นพยานหลักฐานที่โจทก์ทราบดีอยู่แล้วตั้งแต่ขณะฟ้องคดีว่า ต้องนำมาสืบเพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ ฉะนั้นที่โจทก์อ้างว่า โจทก์เพิ่งทราบว่าต้องอ้างอิงพยานหลักฐานอะไรบ้าง เมื่อโจทก์ได้มา ตรวจ สอบเอกสารที่จำเลยยื่นต่อศาลแล้ว นั้นจึงรับฟังไม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีเหตุขัดข้องอย่างใดที่โจทก์ไม่สามารถจะมายื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันได้ โจทก์คงอ้างแต่ว่าเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งก็มิใช่เป็นเหตุที่อ้างได้ตามกฎหมาย
พิพากษายืน