แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมร่วมกับบุคคลอื่นอีก 3 คนตามคำสั่งศาล เรื่องทางเดินตามพินัยกรรมผู้คัดค้านไม่เห็นควรในการจดทะเบียนเป็นทางภารจำยอมทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่แนะนำและผู้จัดการมรดกอีก 3 คนก็เห็นชอบด้วยนั้น ความเห็นของผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริต มุ่งแต่จะช่วยเหลือปกป้องประโยชน์ของผู้รับพินัยกรรมที่ดินมรดกส่วนที่อยู่ด้านหน้าติดถนนสาธารณะซึ่งเป็นน้องสาวผู้คัดค้าน ถือได้ว่าผู้คัดค้านจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดกนอกจากนั้นการที่นาย ส.ปลูกตึกขึ้นใหม่ทำประตูปิดกั้นทางตรงที่จะออกสู่ถนนสาธารณะโดยมีกุญแจปิด ไม่สะดวกแก่ผู้ร้องและผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านผู้ร้องในที่ดินมรดกส่วนด้านหลังที่จะใช้ทางดังที่เคยใช้มาแต่เดิมนั้น โดยที่นาย ส. เป็นบิดาผู้คัดค้าน ทั้งที่ดินมรดกก็อยู่ในความดูแลของผู้คัดค้าน พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าผู้คัดค้านร่วมรู้เห็นในการนี้นับได้ว่าผู้คัดค้านพยายามขัดขวางมิให้การเป็นไปตามพินัยกรรมอีกประการหนึ่งด้วย ไม่สมควรที่จะให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้อื่นต่อไปกรณีมีเหตุสมควรที่จะถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนางเกียวผู้ตายซึ่งทำพินัยกรรมไว้ โดยผู้ร้องเป็นผู้รับพินัยกรรมด้วย ศาลแพ่งมีคำสั่งตั้งนายสำเนียง นางละออ ผู้คัดค้าน และนางวีรวรรณ เป็นผู้จัดการมรดกของนางเกียวผู้ตาย ขณะนี้มรดกอยู่ในระหว่างจัดการตามพินัยกรรมข้อ 1 กำหนดให้ยกที่ดินโฉนดที่ 5007 เฉพาะส่วนภายในเขตรั้วบ้านของผู้ร้องให้แก่เด็กชายภราดร ส่วนที่เหลือซึ่งอยู่ติดถนนสาธารณะยกให้แก่เด็กหญิงวรรณาและเด็กหญิงขวัญตา และให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านผู้ร้องได้ใช้ทางเดินเข้าออกทางสาธารณะต่อไปตามเดิม ผู้จัดการมรดกได้รังวัดแบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ 5007 เฉพาะส่วนภายในรั้วบ้านของผู้ร้องออกเป็นโฉนดที่ 46810 ลงชื่อเด็กชายภราดรถือกรรมสิทธิ์ตามพินัยกรรม ส่วนที่ดินคงเหลือในโฉนดที่ 5007 โอนใส่ชื่อผู้จัดการมรดกทั้งสี่ผู้จัดการมรดกอื่น 3 คนยินยอมและร้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนสิทธิภารจำยอมลงในโฉนดที่ 5007 เพื่อให้ผู้ที่อาศัยบนที่ดินโฉนดที่ 46810 ได้ใช้ทางเดินเข้าออกทางสาธารณะตามเดิมตลอดไป แต่ผู้คัดค้านในฐานะผู้จัดการมรดกไม่ยินยอม นอกจากนั้นผู้คัดค้านสมคบกับนายสำราญกับพวกรื้อห้องแถวซึ่งมีอยู่เดิมบนที่ดินโฉนดที่ 5007 ออก แล้วสร้างบ้านตึกสองชั้นรุกล้ำเข้ามาในทางเดิน ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ในบ้านผู้ร้องใช้เข้าออกสู่ถนนสาธารณะทำให้ทางเดินแคบกว่าเดิมประมาณ 60 เซนติเมตร และทำรั้วมีประตูเหล็กใส่กุญแจกั้นขวางปากทางเดินตรงที่ติดต่อกับถนนสาธารณะ เป็นเหตุให้ผู้ร้องไม่ได้รับความสะดวกในการใช้ทางเหมือนเดิม การกระทำของผู้คัดค้านเป็นการละเลยไม่ทำการตามหน้าที่ของผู้จัดการมรดกให้เป็นไปตามพินัยกรรม มีเจตนากลั่นแกล้งละเมิดสิทธิของผู้ร้อง ประพฤติตนไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้มีคำสั่งถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก โดยให้ผู้จัดการอื่นมีอำนาจจัดการไปตามเดิม
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ตามพินัยกรรมของนางเกียว มิได้มีคำสั่งให้ผู้จัดการมรดกจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่ที่ดินแปลงเด็กชายภารดรผู้คัดค้านมิได้คัดค้านมิให้จดทะเบียนภารจำยอม แต่เป็นเพราะข้อกำหนดในพินัยกรรมไม่เปิดโอกาสให้ผู้จัดการมรดกกระทำได้ การรื้อห้องแถวแล้วปลูกตึกและการทำประตูกั้นทางเดินเข้าออกบริเวณติดต่อกับถนนสาธารณะเป็นการกระทำของนายสำราญกับพวก ผู้คัดค้านมิได้ร่วมกระทำหรือรู้เห็นยินยอม ทั้งการปลูกตึกก็มิได้รุกล้ำทางเดิน ผู้ร้องและคนในครอบครัวยังคงใช้ทางเดินในที่ดินโฉนดที่ 5007 เข้าออกโดยสะดวกผู้ร้องมิใช่ผู้รับพินัยกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีอำนาจร้องขอให้ศาลถอดถอนผู้คัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ถอนนายทรงพล ช้างพลาย ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางเกียว ตามคำสั่งศาลแพ่งคดีหมายเลขแดงที่ 5292/2518ส่วนผู้จัดการมรดกคนอื่นให้คงมีอำนาจจัดการไปตามเดิม
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คดีมีปัญหาว่าสมควรจะถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนางเกียวหรือไม่
ตามแผนผังที่ดิน ร.2 ที่ดินโฉนดที่ 5007 ภายหลังที่แบ่งออกเป็นโฉนดที่ 46810 แล้ว ที่ดินโฉนดที่ 5007 ตั้งอยู่ติดถนนปิดหน้าที่ดินโฉนดที่ 46810ที่ดินโฉนดที่ 46810 ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ โดยที่ที่ดินโฉนดหลังนี้พินัยกรรมยกให้แก่เด็กชายภารดรและมีบ้านผู้ร้องซึ่งเป็นมารดาเด็กชายภารดรปลูกอยู่ การที่ผู้ทำพินัยกรรมมีคำสั่งตามข้อความตอนท้ายพินัยกรรมข้อ 1.1ว่า “ฯลฯ และข้าพเจ้าขอให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านของนางฉลวย พวงหัตถ์ได้ใช้ทางเดินเข้าออกทางสาธารณะต่อไปตามเดิม” จึงหมายถึงการเปิดทางเดินในที่ดินโฉนดที่ 5007 เพื่อให้ผู้อยู่ในที่ดินโฉนดที่ 46810 ใช้เข้าออกสู่ถนนสาธารณะได้ตลอดไปอันเป็นการกำหนดให้มีทางภารจำยอมในที่ดินโฉนดที่ 5007 นั้นเอง การจดทะเบียนภารจำยอมเป็นวิธีปฏิบัติไม่จำเป็นต้องระบุไว้ในพินัยกรรม ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันโอนที่ดินมรดกโฉนดที่ 46810 ให้แก่เด็กชายภราดร เจ้าหน้าที่ได้แนะนำผู้จัดการมรดกให้ดำเนินการเรื่องทางเดินตามพินัยกรรมเสียก่อน ดังที่บันทึกไว้ตามเอกสาร ร.ค.1 การที่ผู้คัดค้านไม่เห็นควรในการจดทะเบียนเป็นทางภารจำยอมทั้ง ๆ ที่เจ้าหน้าที่แนะนำและผู้จัดการมรดกอีก 3 คนก็เห็นชอบด้วยนั้น ความเห็นของผู้คัดค้านมิได้เป็นไปโดยสุจริต แต่มุ่งช่วยเหลือปกป้องประโยชน์ของเด็กหญิงวรรณาและเด็กหญิงขวัญตาผู้รับพินัยกรรมที่ดินโฉนดที่ 5007 เพราะผู้รับพินัยกรรมทั้งสองเป็นน้องสาวผู้คัดค้าน ถือได้ว่าผู้คัดค้านจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการมรดก นอกจากนั้นการที่นายสำราญปลูกตึกขึ้นใหม่ทำประตูปิดกั้นทางตรงที่จะออกสู่ถนนสาธารณะโดยมีกุญแจปิด ไม่สะดวกแก่ผู้ร้องและผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านผู้ร้องที่จะใช้ทางดังที่เคยใช้มาแต่เดิมนั้น โดยที่นายสำราญเป็นบิดาผู้คัดค้าน ทั้งผู้คัดค้านเบิกความว่าที่ดินโฉนดที่ 5007 อยู่ในความดูแลของผู้คัดค้าน พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าผู้คัดค้านร่วมรู้เห็นในการนี้ นับได้ว่าผู้คัดค้านพยายามขัดขวางมิให้การเป็นไปตามพินัยกรรมอีกประการหนึ่งด้วย ไม่สมควรที่จะให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้อื่นต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองให้ถอนผู้คัดค้านออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกนางเกียวชอบแล้ว
พิพากษายืน