แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามข้อบังคับว่าด้วยการแบ่งส่วนงานและการปฏิบัติงานของธนาคารกรุงเทพ ฯ พาณิชย์การ จำกัด ฉบับที่ 2 ว่าด้วยเรื่องบำเหน็จ บำนาญ กำหนดวิธีการคำนวณ “บำนาญ” ว่า ให้นำเงินเดือนเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานแล้วหารด้วย 50 ผลลัพธ์จะเป็นบำนาญซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องจ่ายให้แก่พนักงานเป็นรายเดือนตลอดชีวิต ส่วนข้อความว่า “จำนวนปีที่ทำงาน” หมายถึง จำนวนปีที่โจทก์ได้ทำงานกับจำเลยที่ 1 จริง ๆ มิได้มีความหมายให้นับรวมไปจนถึงวันที่โจทก์เกษียณอายุและพ้นจากตำแหน่งหน้าที่เมื่ออายุครบ 60 ปีด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 อนุมัติให้โจทก์ลาออกตามโครงการเอื้ออาทรน้องพี่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2539 แล้วโจทก์ก็ไม่ได้ทำงานกับจำเลยที่ 1 อีกต่อไป ย่อมไม่มีเวลาทำงานกับจำเลยที่ 1 จึงไม่มี “ปีที่ทำงาน” ตามที่กำหนดในข้อบังคับดังกล่าว โจทก์เข้าทำงานเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2505 เมื่อนับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2538 โจทก์มีอายุการทำงาน 33 ปี 8 เดือนเศษ ซึ่งตามข้อบังคับดังกล่าวให้นับอายุการทำงานเศษของปีที่เกิน 6 เดือน ให้นับเป็น 1 ปี เพราะฉะนั้นโจทก์จึงมีอายุการทำงาน 34 ปี เมื่อจำเลยที่ 1 คำนวณบำนาญโดยนำเงินเดือนเดือนสุดท้ายของโจทก์คูณด้วย 34 ซึ่งเป็นจำนวนปีที่ทำงานแล้วหารด้วย 50 จึงเป็นการคิดคำนวณบำนาญตามระเบียบของธนาคารตรงตามที่กำหนดไว้ในโครงการเอื้ออาทรน้องพี่และถูกต้องตามข้อบังคับว่าด้วยเงินบำเหน็จ บำนาญแล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ได้คิดเงินบำนาญให้โจทก์ขาดไปแต่อย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระ ๑๗๐,๙๕๓.๘๓ บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๓๘,๕๙๕.๖๐ บาท นับแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๓ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายบำนาญให้แก่โจทก์เดือนละ ๑๘,๔๑๔.๔๐ บาท นับแต่งวดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๔๓ เป็นต้นไปจนตลอดชีวิตของโจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า การเข้าร่วมโครงการเอื้ออาทรน้องพี่คิดอายุการทำงานตามความเป็นจริง มิใช่คิดอายุงานจนถึงกำหนดเกษียณอายุ โจทก์มีอายุการทำงานเพียง ๓๔ ปี จึงมีสิทธิได้รับบำนาญเดือนละ ๑๖,๔๗๖ บาท ซึ่งโจทก์รับบำนาญอัตราดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๔๓ สำหรับเงินตอบแทนพิเศษปรากฏว่า ในวันที่โจทก์ได้รับอนุมัติให้ลาออกตามโครงการเอื้ออาทรน้องพี่ โจทก์มีอายุการทำงานเหลือ ๓ ปี ๖ เดือน จึงมีสิทธิได้รับเงินตอบแทนพิเศษเป็นเงินจำนวน ๑๖๙,๖๑๐ บาท ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในโครงการ ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาศาลแรงงานกลางอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๒
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้วรับฟังข้อเท็จจริงว่า พนักงาน (ลูกจ้าง) ชายของจำเลยที่ ๑ เกษียณอายุเมื่อ ๖๐ ปีบริบูรณ์ โดยจะพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ในวันที่ ๓๑ ธันวาคมของทุกปีที่พนักงานผู้นั้นมีอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ตามข้อบังคับว่าด้วยระเบียบพนักงานธนาคารกรุงเทพ ฯ พาณิชย์การ จำกัด พ.ศ. ๒๕๓๓ ลงวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ข้อ ๓๓ (๒) โจทก์เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๔๘๒ โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๐๕ นับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๘ โจทก์มีอายุ ๕๖ ปี ๕ เดือนเศษ และอายุการทำงาน ๓๓ ปี ๘ เดือนเศษ จำเลยที่ ๑ มีคำสั่งธนาคารกรุงเทพ ฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) ที่ บ. ๕๗๗/๒๕๓๗ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๗ เรื่อง อนุมัติให้พนักงานเข้าร่วมโครงการเอื้ออาทรน้องพี่ อนุมัติให้โจทก์เข้าร่วมโครงการ โดยให้การลาออกมีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๙ ซึ่งโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษตามจำนวนปีที่เหลือในการทำงานปีละ ๒ เดือน แต่รวมแล้วไม่เกิน ๖ ปี เศษของปีจะจ่ายเฉลี่ยตามส่วน ตามสิทธิประโยชน์โครงการเอื้ออาทรน้องพี่เอกสารท้ายคำให้การหมายเลข ๔ จำเลยที่ ๒ คำนวณปีที่เหลือในการทำงานให้แก่โจทก์โดยนับถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๒ อันเป็นวันที่โจทก์มีอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ได้จำนวนปีที่เหลือ ๓ ปี ๖ เดือน โจทก์ได้รับค่าตอบแทนพิเศษไปแล้วจำนวน ๑๖๙,๖๑๐ บาท ส่วนการคำนวณบำนาญนั้นตามข้อบังคับว่าด้วยการแบ่งส่วนงานและการปฏิบัติงานของธนาคารกรุงเทพ ฯ พาณิชย์การ จำกัด ฉบับที่ ๒ ว่าด้วยเรื่องเงินบำเหน็จบำนาญลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๓๑ กำหนดให้คำนวณโดยนำเงินเดือนเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานแล้วหารด้วย ๕๐ ผลลัพธ์จะเป็นบำนาญ ซึ่งจำเลยที่ ๑ จะต้องจ่ายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนตลอดชีวิตของโจทก์ การคำนวณอายุงานให้นับตั้งแต่วันที่โจทก์ได้รับการบรรจุเข้าทำงาน เศษของปีส่วนที่เกิน ๖ เดือน ให้นับเป็น ๑ ปี จำเลยที่ ๑ คิดจำนวนปีที่ทำงานของโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๐๕ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๘ โดยถือว่าโจทก์มีอายุงานเป็นเวลา ๓๔ ปี คิดแล้วโจทก์จะได้รับเงินบำนาญเดือนละ ๑๖,๔๗๖ บาท และศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ จ่ายเงินบำนาญให้แก่โจทก์ถูกต้องตามข้อบังคับว่าด้วยเงินบำเหน็จบำนาญแล้ว แต่จำเลยที่ ๑ คิดเงินตอบแทนพิเศษให้โจทก์ขาดไปจำนวน ๒๔,๒๓๐ บาท พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินจำนวน ๒๔,๒๓๐ บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๙ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ ต้องไม่เกิน ๘,๙๓๖.๘๖ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยแล้ว คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์เพียงประการเดียวว่า จำเลยที่ ๑ คิดเงินบำนาญให้โจทก์ขาดไปหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ข้อบังคับว่าด้วยการแบ่งส่วนงานและการปฏิบัติงานของธนาคารกรุงเทพ ฯ พาณิชย์การ จำกัด ฉบับที่ ๒ ว่าด้วยเรื่องเงินบำเหน็จ บำนาญ ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๓๑ ตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๔ กำหนดวิธีคำนวณ “บำเหน็จ” ว่า ให้นำเงินเดือนเดือนสุดท้ายของพนักงานผู้นั้นคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานนับแต่วันที่บรรจุ และกำหนดวิธีการคำนวณ “บำนาญ” ว่า ให้นำเงินเดือนเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงานแล้วหารด้วย ๕๐ ผลลัพธ์จะเป็นบำนาญซึ่งจำเลยที่ ๑ จะต้องจ่ายให้แก่พนักงานเป็นรายเดือนตลอดชีวิต ส่วนการคำนวณอายุงานกำหนดว่า เศษของปีเกิน ๖ เดือน ให้นับเป็น ๑ ปี ซึ่งตามหนังสือของจำเลยที่ ๑ ที่ สญ. (ว) ๐๕๖/๒๕๓๗ ฉบับลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๓๗ เรื่อง โครงการเอื้ออาทรน้องพี่ กำหนดให้พนังกานทุกคนทุกระดับชั้นที่มีอายุ ๕๐ ปีขึ้นไปหรือมีอายุการทำงาน ๑๕ ปีขึ้นไป โดยนับอายุดังกล่าวถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๗ เป็นผู้ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ และมีข้อความระบุทำนองเดียวกันว่าโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานได้ลาออกจากธนาคารโดยมีสิทธิได้รับผลตอบแทนเช่นเดียวกับการออกจากธนาคารกรณีเกษียณอายุ เห็นว่า ข้อความว่า “จำนวนปีที่ทำงาน” ในข้อบังคับว่าด้วยเรื่องเงินบำเหน็จบำนาญดังกล่าวหมายถึงจำนวนปีที่โจทก์ได้ทำงานกับจำเลยที่ ๑ จริง ๆ มิได้มีความหมายให้นับรวมไปจนถึงวันที่โจทก์เกษียณอายุและพ้นจากตำแหน่งหน้าที่เมื่ออายุครบ ๖๐ ปีด้วย เมื่อจำเลยที่ ๑ อนุมัติให้โจทก์ลาออกตามโครงการเอื้ออาทรน้องพี่มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๙ แล้ว โจทก์ก็ไม่ได้ทำงานกับจำเลยที่ ๑ อีกต่อไป ย่อมไม่มีเวลาทำงานกับจำเลยที่ ๑ จึงไม่มี “ปีที่ทำงาน” ตามที่กำหนดในข้อบังคับดังกล่าวและตามโครงการเอื้ออาทรน้องพี่นั้นได้กำหนดผลตอบแทนแก่ผู้เข้าร่วมโครงการไว้ในข้อ ๗.๓ คือ เงินบำเหน็จหรือบำนาญตามระเบียบของธนาคาร โดยไม่ปรากฏว่าต้องใช้วิธีการคำนวณเงินบำเหน็จหรือบำนาญแตกต่างไปจากวิธีการคำนวณตามปกติ โจทก์เกิดเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๔๘๒ และเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๐๕ เมื่อนับถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๘ โจทก์มีอายุการทำงาน ๓๓ ปี ๘ เดือนเศษ ซึ่งตามข้อบังคับดังกล่าวให้นับอายุการทำงานเป็นเวลา ๓๔ ปี เมื่อจำเลยที่ ๑ คำนวณบำนาญโดยนำเงินเดือนเดือนสุดท้ายของโจทก์ซึ่งเป็นเงินจำนวน ๒๔,๒๓๐ บาท คูณด้วย ๓๔ ซึ่งเป็นจำนวนปีที่ทำงานแล้วหารด้วย ๕๐ ผลลัพธ์ได้เป็นบำนาญเดือนละ ๑๖,๔๗๖ บาท ซึ่งจำเลยที่ ๑ จะต้องจ่ายให้แก่โจทก์เป็นรายเดือนตลอดชีวิตของโจทก์จึงเป็นการคิดคำนวณบำนาญตามระเบียบของธนาคารตรงตามที่กำหนดไว้ในโครงการเอื้ออาทรน้องพี่ และถูกต้องตามข้อบังคับว่าด้วยเงินบำเหน็จ บำนาญแล้ว จำเลยที่ ๑ มิได้คิดเงินบำนาญให้โจทก์ขาดไปแต่อย่างใด ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.