แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ จำเลยที่ 2 จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ไม่ เพราะเมื่อศาลไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 แล้วก็ต้องถือว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดของจำเลยที่ 2 ที่จำเลยที่ 2ฎีกานั้น ไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาตและพกพาไปในทางสาธารณะ เมือง และหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควรจำเลยทั้งสองร่วมกันชิงทรัพย์ผู้เสียหายด้วยการร่วมกันขู่เข็ญบังคับข่มขืนใจให้ผู้เสียหายส่งเงิน ๑๐๐ บาทให้แก่จำเลยทั้งสอง โดยจำเลยที่ ๒ มีอาวุธปืนผู้เสียหายไม่ยอมส่งเงินให้และเดินหนี จำเลยที่ ๑ ได้กางกั้นขวางหน้าผู้เสียหายไว้ ทันใดนั้นจำเลยที่ ๒ ยิงผู้เสียหาย ๓ นัด ทั้งนี้ จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย กระสุนลั่นขึ้น ๑ นัด ถูกผู้เสียหายที่กะโหลกศีรษะแต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายและมิได้ส่งเงิน ๑๐๐ บาทให้แก่จำเลยขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๓๓๙, ๘๐,๓๐๙ วรรค ๒, ๓๗๑ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐ และ ๓๗๑ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘, ๘๐ ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุดตามมาตรา ๙๑ ก่อนมีการแก้ไข อันเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำความผิด สำหรับจำเลยที่ ๑ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ฐานพยายามชิงทรัพย์และฐานมีปืนกับกระสุนปืนด้วย
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ อ้างว่าไม่ระบุข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอย่างใดไม่เข้าลักษณะเป็นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๓
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ และ ๓๗๑ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘, ๘๐ ซึ่งเป็นกระทงที่หนักที่สุดตามมาตรา ๙๑ จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ จำเลยที่ ๒ มิได้อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยที่ ๒ จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ไม่ เพราะเมื่อไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ แล้วก็ต้องถือว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ และมาตรา ๓๗๑ ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกานั้น ไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ศาลฎีกาจะรับวินิจฉัยให้ไม่ได้ สำหรับความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์และมีอาวุธปืนฯ ไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับใบอนุญาตศาลอุทธรณ์ก็ได้วินิจฉัยไว้แล้วว่า จำเลยไม่มีความผิดตามที่จำเลยฎีกาแล้วไม่มีข้อที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยอีก
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลยที่ ๒