คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3370/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างเวลากลางคืนก่อนเที่ยงถึงเวลากลางวันวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เข้าไปลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในเคหสถานไปโดยทุจริตหรือมิฉะนั้นจำเลยได้กระทำผิดฐานรับของโจรทรัพย์ที่ถูกลักไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางวันจริงตามฟ้องเช่นนี้ ก็ต้องฟังว่าจำเลยลักทรัพย์ในเคหสถานตามที่ปรากฏในคำฟ้องโจทก์ด้วยศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) วรรคแรกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม และวันที่ 5 สิงหาคม2531 ระหว่างเวลากลางคืนก่อนเที่ยงถึงเวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยได้เข้าไปลักทรัพย์ของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในเคหสถานไปโดยทุจริตหรือมิฉะนั้นจำเลยได้กระทำผิดฐานรับของโจรทรัพย์ที่ถูกลักไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357,91 จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางวันจริงตามฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามมาตรา 335 รวม 2 กระทงลดโทษแล้วคงจำคุก 4 ปี 6 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 334 คงจำคุก 1 ปี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าคำรับสารภาพของจำเลยมีคำว่า “จริงตามฟ้อง” แม้มิได้ระบุคำว่า “ในเคหสถาน” แต่ความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานก็อยู่ในคำฟ้องตามที่จำเลยรับสารภาพจึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ได้นั้น เห็นว่าตามคำให้การรับสารภาพของจำเลยมีข้อความว่าตามฟ้องอยู่ในตอนท้ายด้วย แม้จำเลยให้การว่า ได้กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางวันก็ต้องฟังว่า ลักทรัพย์ในเคหสถานตามที่ปรากฏในคำฟ้องโจทก์ด้วยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(8) วรรคแรก ทั้ง 2 กรรม ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(8) วรรคแรก ให้ลงโทษจำคุกกระทงแรก 2 ปี กระทงหลัง1 ปี รวมจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก1 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share